ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เพจหมอแล็บแพนด้า โพสต์จดหมายพยาบาลสาวสั่งเสีย หลังถูกคุกคาม ไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุดปลอดภัยแล้ว ขณะที่โซเชียลฯ แห่แชร์ทวงถามหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการหาสาเหตุ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในแวดวงสาธารณสุขมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่เพจ “หมอแล็บแพนด้า” โพสต์จดหมายของพยาบาลที่เขียนถึงครอบครัวสั่งเสีย โดยระบุถึงความทุกข์ในชีวิต ทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงาน โดยเฉพาะมีปัญหากับผู้ใหญ่ในที่ทำงาน และเพื่อนร่วมงาน ล่าสุด หมอแล็บแพนด้า ได้แชร์ข้อความสนทนาระบุว่า พยาบาลพยายาลทำร้ายตัวเองเหตุเกิดที่เชียงใหม่ แต่มีคนช่วยเหลือ ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และต่างระบุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาหาสาเหตุเรื่องนี้

 

โดยพยาบาลดังกล่าวได้โพสต์จดหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และเขียนข้อความใจความ ว่า    ชีวิตฉันเกิดมาเป็นชาวเขา พ่อแม่ฉันมีลูกหลายคน แต่พ่อแม่ฉันเลี้ยงดูพวกเรามาให้พวกเราทุกคนได้เข้ามาเรียนได้มีการศึกษา ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก ตอนเด็กๆฉันมักจะป่วยบ่อยๆไป รพ. มักจะโดนพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลดุด่า แม้เราในฐานะคนไข้จะไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจก็โดนด่าอยู่ดี แม่ฉันเลยบอกกับฉันว่าวันนึงถ้าลูกโตมาลูกต้องเป็นพยาบาลนะ แล้วลูกอย่าไปทำแบบนี้ที่เราโดนกับคนไข้ ฉันในวัยที่รู้ความแล้ว ฉันจำได้ขึ้นใจ ในวัยประถมฉันตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและได้ลำดับต้นๆของห้องมาตลอด จนฉันมาเรียนมัธยมต้นฉันโดนบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์และชาติพันธุ์ เพื่อนๆล้อว่าฉันตาตี่ไม่สวยตัวเตี้ย บ้างก็ด่าว่าฉันนั่งหลับเหรอ

ฉันโดนบูลลี่มาตลอด ฉันเคยกลับบ้านไปกอดแม่แล้วร้องไห้กับแม่เล่าสิ่งที่เจอที่ รร ให้แม่ฟัง แม่บอกฉันสวยมากและน่ารักที่สุดในสายตาแม่ ฉันกลับไปเรียนโดนล้อโดนบูลลี่อยู่ตลอด การเรียนฉันเริ่มดรอปลง จนวันปัจฉิมฉันเข้า รพ. ไม่ได้ปัจฉิมกับเพื่อน พอมาเรียน ม ปลายเป็น รร คริสเตียนแห่งหนึ่งฉันได้รับการยอมรับจากสังคมเพื่อนและไม่โดนบูลลี่ การเรียนฉันเริ่มดีกลับมา ฉันเข้าเรียนในสายวิทย์-คณิต เพราะฉันใฝ่ฝันจะเป็นพยาบาล ซึ่งตอนฉันใกล้จบทางบ้านมีปัญหาด้านการเงินแถมสุขภาพคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยดี คุณพ่อคุณแม่ได้ให้ฉันเปลี่ยนความคิดและเรียนต่อเอกครุศาสตร์ เนื่องจากค่าเทอมพยาบาลสูง ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าศึกษาต่อ แต่ฉันก็ยังทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็กไม่ได้นั่นก็คือพยาบาล ฉันหาทุกวิถีทางจนมีอาจารย์ท่านนึงบอกว่าให้แอดมิชชันคณะพยาบาลของสถาบันพระบรมราชชนกเพราะเขามีทุนให้เรียน

ในช่วงนั้นฉันปิดเทอมกลับบ้านไปอยู่บนดอยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีอินเตอร์เน็ต ถ้าจะโทรศัพท์ต้องขับไปที่ๆจุดมีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วฉันก็ได้ขอให้อาจารย์ท่านนี้แอดมิชชันให้ฉันโดยฉันส่งรายละเอียดข้อมูลให้อาจารย์ทั้งหมด ทั้งผลคะแนนGAT-PAT คะแนนต่างๆ ตอนนั้นฉันแอดติดเป็นเวชกิจฉุกเฉิน ส่วนพยาบาลติดตัวสำรองฉันจึงได้มาเรียนเวชกิจฉุกเฉินไป 1 ปี ระหว่างเรียนเวชกิจฉันก็ยังไม่ทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็กฉันได้ไปสอบGAT PAT ใหม่แล้วยื่นแอดมิชชันใหม่อีกครั้ง ปีนี้สรุปฉันก็ติดแล้วได้เข้ามาเรียนพยาบาล ลำบากมากๆ

พอมาเป็นพยาบาลฉันดีใจมากฉันตั้งใจเรียนเพื่อให้จบในระยะเวลาที่กำหนด พอเรียนจบ ฉันตั้งใจสอบให้ผ่าน 8 รายวิชาเพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพพยาบาลเพื่อมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากเรียนจบฉันก็ตั้งใจหาช่องทางเพื่อสอบข้าราชการให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ จนวันนึงฉันก็สอบติดมาเป็นข้าราชการที่ รพ. แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่แล้วฉันดีใจมากๆ แต่พ่อกับแม่ฉันกลับเป็นห่วงไม่อยากให้ฉันเข้ามาอยู่จุดนี้ เขาบอกที่เดิมที่ฉันอยู่ตอนจบใหม่นั้นลงตัวแล้ว แต่แล้วด้วยที่ฉันคิดว่านี่คือความใฝ่ฝันของฉันข้าราชการพยาบาล จนฉันมาบรรจุราชการทำงานผ่านไปหลายปี ฉันเจออุปสรรคมากมายฉันเรียนรู้ที่จะอยู่และอดทนปล่อยวาง แต่แล้ววันนึงมีเหตุที่ไม่คาดคิด คือรถมอเตอร์ไซด์ของฉันที่จอดไว้ใน บ้านพัก รพ. ได้หายไป

 

หลังจากตรวจเช็คหาจากบริเวณบ้านพักและเขต รพ.ไม่เจอ จึงได้ไปขอกล้องวงจรของพี่พยาบาลท่านนึงใน รพ. ตรงบริเวณที่ฉันจอดรถ พบว่าเป็นแฟนของเจ้าหน้าที่ตำแหน่งใหญ่ท่านหนึงใน รพ.  ซึ่ง ดิฉันได้ติดต่อเขาและขอรถคืน เขาบอกว่าเขาสั่งแฟนเขามาเอารถฉันไป เพราะเห็นจอดไว้นาน และเขาบอกว่าทีเเรกจะเอาไปขายทอดตลาด ซึ่งฉันรู้สึกไม่ดีเลย เครียดมาก ฉันบอกพี่เขาว่าพี่ไม่มีสิทธิ์เอารถน้องไปไม่ว่าอะไร เพราะรถก็จอดถูกที่ถูกตำแหน่ง พี่เขาบอกว่าเขาเป็นตำแหน่งหัวหน้า....ของรพ และแฟนเขาเป็นตำแหน่ง..... เขาเลยมาเอารถของฉันไป ฉันบอกว่าด้วยอะไรเขาก็ไม่มีสิทธิ์เอารถไปไหน แต่แล้วเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดฉันได้รถคืน แต่ทุกอย่างมันแย่ เพราะฉันได้แจ้งความไปที่ สภ. และเวลาฉันไปขอความช่วยเหลือต่างๆจากทางอำนวยการ เช่น ไปขอดูกล้องวงจรปิดแต่ทางอำนวยการให้ข้อมูลกลับไปมา และฉันขอให้ดำเนินการกับทางคู่กรณี ตอนนี้ฉันเดือดร้อนหลายๆอย่าง

 

ฉันขอความช่วยเหลือจากทางผู้ใหญ่ใน รพ. แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และฉันรู้สึกกังวลใจ หลังจากเหตุการณ์นี้ฉันโดนคู่กรณีคุกคามชีวิต ฉันได้แจ้งไปทางผู้ใหญ่ใน รพ แต่แล้วได้รับการดูแล 1 เดือนครึ่ง นอกจากนี้ ฉันได้มีปัญหากับทางหน่วยงาน  ซึ่งตลอดมาก็มีปัญหาหลายๆอย่างในหน่วยงาน  มันสะสมจนวันนึงมีน้องในหน่วยงานมาเปิดประเด็น และฉันได้เกิดเรื่องในหน่วยงาน ฉันเขียนย้ายแผนก แต่ไม่ได้รับการย้าย ฉันเครียดสะสมหนักมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน หลายๆเรื่อง นอนไม่หลับ ทั้งหวาดระแวง กลัวโดนทำร้ายจากคู่กรณี อีกทั้ง มีปัญหาในหน่วยงาน ฉันได้ส่งจดหมายทางเมลล์ไปถึงอธิบดี เนื่องจากทั้ง ผอ. และผู้ใหญ่ใน รพ. ฉันได้ดำเนินการไปแล้ว แต่เรื่องเงียบ ทุกๆวันฉันหวาดระแวงและเครียดนอนไม่หลับ จนมีวันนึงฉันนั้นโดนเรียกไปพบผู้ใหญ่ใน รพ. และถูกกดดันหลายอย่าง ฉันรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและความกดดันที่ไม่มีทางออก ทั้งในหน่วยงานและเรื่องต่างๆ

ในวันนี้ฉันขอจบชีวิตลงเพื่อยุติความอยุติธรรมและทางออกต่างๆ ฉันไม่อยากรับผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและงานที่ฉันทำ เพราะตอนนี้เหมือนฉันไม่ได้ต่อสู้กับคู่กรณีคนเดียว

  

เรื่องที่เกี่ยวข้อง