ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน(อสม.) ภาคกลาง เผย เตรียมปรับระเบียบใหม่การรับ-สิ้นสภาพ อสม. เริ่มรับสมาชิกอายุ 18 ปี สูงสุดไม่เกิน 55 ปี ชี้ต้องมีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่และมีสุขภาพแข็งแรง ส่วนกรณีที่ให้ อสม.เปิดบัญชีธนาคาร พบส่วนมากยังไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา นายอมรินทร์ นิ่มนวล ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ภาคกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เรากำลังปรับระเบียบการรับอสม.ใหม่ เนื่องจากระบบการทำงานของอสม.เริ่มเปลี่ยน จากเดิมที่มีภาระคล้ายกับผู้สื่อข่าว คือการสื่อสารสุขภาพ แก้ข่าวร้าย แจ้งข่าวดี บริบทของการทำงานเริ่มเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ให้ข้อมูล หรือสนับสนุนงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ดังนั้นแนวทางการบริหารจัดการของชมรม หรือ อสม.จึงเริ่มเปลี่ยน ซึ่งต่อไปนี้การรับบุคลากรหรือสมาชิกเข้ามาต้องมีสุขภาพแข็งแรง โดยกำหนดอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และไม่เกิน 55 ปี ต้องมีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งตอนนี้มีการประชาสัมพันธ์แล้ว และเริ่มแล้วในพื้นที่ที่มีความพร้อม 

ส่วนเรื่องของการสิ้นสภาพอสม.นั้น เดิมจะเป็นกรณีเสียชีวิต ลาออก หรือวิกลจริต ไม่สามารถมาทำงานได้ ก็จะพ้นสภาพ ซึ่งเราได้ปรึกษาหารือกับอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ว่าในเรื่องของ อสม.ที่มีอายุเยอะ หรือเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ เราจะทำอย่างไรเพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่ปฏิบัติหน้าที่มายาวนาน ในส่วนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ ต้องมีการหารือและทำเป็นข้อตกลงร่วมกันของทุกจังหวัดก่อน ว่าจะมีหนทางแก้ไขอย่างไรตอบแทน อสม.ที่ทำงานมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว จนกลายมาเป็นผู้สูงอายุ เราจะต้องดูแลพวกเขาด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันมี อสม.สูงอายุ ป่วยติดเตียง พิการประมาณ 20 % ของจำนวนอสม.กว่า 1.3 ล้านคน  ซึ่งได้อะลุ่มอะล่วยให้ลูกหลานเข้ามาทำงานอสม.แทน เพราะยังไม่มีการประกาศระเบียบออกมาชัดเจน แต่ถ้าประกาศมาเมื่อไหร่เราอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้อสม.เตรียมตัวเตรียมใจก่อน

เมื่อถามว่าเกณฑ์การรับอสม.ใหม่ มีการกำหนดด้วยหรือไม่ว่า 1 คน  ดูแลประชากรจำนวนเท่าไหร่ นายอมรินทร์ กล่าวว่า เมื่อก่อน ประชาชนในไทย ครัวเรือนไม่ได้มากขนาดนี้ ชุมชนไม่เยอะขนาดนี้ เขตชานเมืองอสม. 1 คน จะดูแลประชาชนตั้งแต่ 8-15 หลังคาเรือน เขตอุตสาหกรรมอาจจะต้องดูแลประชาชนมากกว่านี้ ดังนั้นแล้วแต่บริบทของพื้นที่ อย่างไรก็ตามภาระงานไม่น้อยลงมีแต่เพิ่มขึ้น

ดังนั้นการเปลี่ยนเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ข้อปฏิบัติต่างๆ จึงมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่มีการกำหนดตัวเลขตายตัว แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าในแต่ละจังหวัด ควรจัดทำตัวเลขให้นิ่งก่อน จะมีมาตรการดูแล อสม.ที่ทำงานไม่ไหวแล้วอย่างไรบ้าง จากนั้นถึงจะมีการอบรมโควต้าอสม.ใหม่ เพื่อมาทดแทน ทั้งนี้จะมีประชุมใหญ่เดือน มี.ค. เพื่อจัดทำให้เสร็จในปีงบฯ 2566 

เมื่อถามว่ากรณีที่ให้อสม. เปิดบัญชีธนาคารจะมีความเสี่ยงหรือไม่อย่างไร  นายอมรินทร์ กล่าวว่า เมื่อก่อนเราเคยมีการประชาสัมพันธ์ให้อสม.ได้เปิดบัญชีกับ ธกส. เพื่อความสะดวกสบายอยู่แล้ว แต่บางพื้นที่ที่ห่างไกลอาจไม่มีธนาคารก็ยังสามารถติดต่อขอรับเป็นเงินสดได้เช่นกัน มองว่าการเปิดบัญชีที่มีการใช้บริการของ ธกส. ไม่ว่าจะเปิดเพื่อทำการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการ , ฌกส.อสม. , การรับเงินเดือน ส่วนมากพบว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะทางสาธารณสุขอำเภอจะมีหน้าที่ให้การดูแลช่วยเหลือในเรื่องนี้อยู่แล้ว  ซึ่งปัจจุบันพบเกือบ 100% อสม.ได้ทำการเปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org