ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยกระจายวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 ทุกพื้นที่แล้ว เน้นกลุ่มเสี่ยง 607 บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มด่านหน้า ขณะที่วัคซีนเจน 2 จากฝรั่งเศสเข้าอีก 1 ล้านโดสวันที่ 13 มี.ค.  ขอให้กลุ่มเสี่ยงฉีดเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะสงกรานต์

 

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.)กล่าวถึงกรณีการกระจายวัคซีนโควิดรุ่น 2   หรือไบวาเลนท์ (Bivalent) จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นวัคซีนไฟเซอร์รุ่น 2 จำนวน  501,120 โดส  ว่า ขณะนี้ได้เริ่มกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทุกจังหวัด ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)   อย่างไรก็ตาม  จากผลการศึกษาที่ผ่านมา ทั้งวัคซีนรุ่นที่ 2 ที่เป็นไบวาเลนท์ นำมาใช้เป็นบูสเตอร์โดส ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนดั้งเดิมแบบโมโนวาเลนท์ หรือแบบไบวาเลนท์ ใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นได้ดีเช่นเดียวกัน  แทบไม่แตกต่างกัน ดังนั้น ในทุกสถานพยาบาลจะมีวัคซีนทั้ง 2 ชนิดควบคู่กันไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนสามารถเลือกว่าจะฉีดวัคซีนเจน 2 หรือวัคซีนแบบเดิมก็ได้ใช่หรือไม่ นพ.ธเรศ กล่าวว่า  วัคซีนเจน 2 มีไม่มาก จะเน้นกลุ่มเสี่ยง 607 ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าเป็นหลักก่อน ซึ่งไม่จำเป็นว่า การจะฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนเจน 2 จะต้องเป็นไฟเซอร์ หรือวัคซีน mRNA มาแล้ว 2 เข็มหรือไม่ เนื่องจากผลการศึกษา ทั้งการฉีดวัคซีนดั้งเดิม และวัคซีนเจน 2 มากระตุ้นเทียบกันกับโมโนวาเลนท์พบว่า แตกต่างไม่มาก ได้ผลไม่มาก

เมื่อถามว่าข้อกังวลเรื่องผลกระทบการฉีดวัคซีน mRNA ในสหรัฐ ของไทยเป็นอย่างไร นพ.ธเรศ กล่าวว่า  ก่อนที่วัคซีนจะออกมาใช้ได้ ต้องมีผลการศึกษา มีการทดลองเฟส 1-3 มีเรื่องความปลอดภัยถึงจะมาขึ้นทะเบียนองค์การอาหารและยา ทั้งของต่างประเทศ และไทย และในการใช้ตามสถานการณ์จริง ก็พบว่ามีความปลอดภัยสูง อย่างข้อเท็จจริงทั่วโลกฉีดเป็นพันล้านโดส สามารถป้องกันคนตายได้จำนวนมาก โดยรวมวัคซีนมีกระบวนการกว่าจะมาถึงการใช้จริง ย่อมมีความปลอดภัยเพียงพอ

“ขอย้ำว่า วัคซีนโควิดเจน 2 จะเน้นกลุ่มเสี่ยงก่อน อย่างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าก็จะมีการพิจารณาตามพื้นที่ว่า มีจำนวนเท่าไหร่อย่างไร ซึ่งในวันที่ 13 มีนาคมนี้จะได้รับการสนับสนุนวัคซีนเจน 2 จากฝรั่งเศสอีกราว 1 ล้านโดสโดยประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถขอรับวัคซีนเจน 2 ได้ โดยขอให้เป็นโทรสอบถามสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อนัดหมายล่วงหน้าได้ ขอย้ำว่า ขอให้มาฉีดเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เพราะยิ่งใกล้เทศกาลสงกรานต์ จะมีกลับภูมิลำเนาพบผู้ใหญ่ พ่อแม่ญาติพี่น้องอาจมีการนำเชื้อไปติดได้ ทางที่ดีขอให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหากฉีดเข็มล่าสุดนานเกิน 4 เดือนขอให้ไปรับบูสเตอร์ในรพ.ใกล้บ้าน” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว