ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค เผยโควิดในไทยลดลงเรื่อยๆ  ความรุนแรงต่ำ แต่ยังพบได้ และควรป้องกันตน โดยเฉพาะคนป่วยต้องพักผ่อน เลี่ยงพบเจอผู้คน ชี้หากป่วยควรรับผิดชอบสวม “หน้ากากอนามัย” ไม่ใช่ให้คนสุขภาพดีใส่แมสก์ป้องกันแทน ขณะที่วัคซีนป้องกันเน้นเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เหตุมีค่าใช้จ่าย 

 

ภายหลังผลการตรวจหาเชื้อโควิด คณะรัฐมนตีใหม่ ปรากฏกว่า  นายทรงศักดิ์ ทองศรี และน.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้ผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด ไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำให้สังคมกังวลเรื่องสถานการณ์ของโรคโควิดในปัจจุบันนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่กรมควบคุมโรค นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ยังเป็นสายพันธุ์เดิม เป็นลูกหลานของสายพันธุ์โอมิครอน ความรุนแรงต่ำกว่าในอดีตลงไปมาก คนเสียชีวิตส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคร่วม คนสุขภาพแข็งแรงดี อาการไม่รุนแรง บางทีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ดังนั้นปัจจุบันการติดเชื้อยังติดได้ แต่อาการไม่รุนแรง ทั้งนี้ สถานการณ์ป่วยถือว่าลดลง ในหลายสัปดาห์ก่อน บางสัปดาห์ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ส่วนผู้ป่วยเหลือระดับร้อยกว่าคนต่อสัปดาห์ แต่ในส่วนของไข้หวัดใหญ่กลับพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาแทน

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรคยังคงให้คำแนะนำว่า หากใครป่วยโรคทางเดินทายใจ ผู้ป่วยคือคนแรกที่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม หากไม่จำเป็นก็หลีกเลี่ยงการไปพบปะผู้คน หมั่นล้างมือบ่อยๆ ควรอยู่ห่างจากคนอื่นให้มากที่สุด หรือหยุดงาน 2-3 วัน เพื่อรักษาตัวเอง พักผ่อนให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นด้วย ส่วนคนที่สุขภาพพดี สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ ก็พกหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ ไว้ใช้ในกรณีที่อาจจะเข้าไปอยู่ในสถานที่เสี่ยง ก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้เพื่อป้องกันตัวเองได้ และขอให้หมั่นล้างมือสม่ำเสมอ

วัคซีนโควิดยังไม่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ 

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 นั้น มีการคุยกัน และนำเสนอให้เข้าไปอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเป็นทางเลือก อยู่ที่สปสช.จะพิจารณาให้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หรือไม่

“หากพูดถึงความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่นั้น วันนี้วัคซีนโควิดไม่จำเป็นต้องฉีดทั่วๆ ไป ให้ฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ไม่เคยฉีควัคซีนมาก่อน เนื่องจากเชื่อว่าปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ยกเว้นเด็กเกิดใหม่ และการฉีดวีคซีนไม่ใช่เพื่อการป้องกันโรค แต่ฉีดเพื่อลดความรุนแรงของโรค” นพ.ธงชัย กล่าว

สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. สัปดาห์ที่ 34 ตั้งแต่วันที่ 25-31 สิงหาคม 2567 ป่วย 569 ราย เฉลี่ยป่วยรายวัน 81รายต่อวัน (ส่วนข้อมูลป่วยสะสม 37,922 ราย เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 212 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 91 ราย)  ขณะที่ผู้เสียชีวิตสะสม 200 ราย เฉลี่ย 1 รายต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่ม 608 อายุประมาณ 60-69 ปี