Published on Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ (https://www.hfocus.org)

Home > ‘แพทย์’ วิชาชีพที่มีอัตราฆ่าตัวตายสูงสุดใน ‘สหรัฐอเมริกา’

‘แพทย์’ วิชาชีพที่มีอัตราฆ่าตัวตายสูงสุดใน ‘สหรัฐอเมริกา’

Thu, 2018-05-17 16:18
medscape.com [1]

Pauline Anderson จากเว็บไซต์ medscape.com [2] เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ถึงสถิติการฆ่าตัวตายของแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า สถิติการจบชีวิตตัวเองเฉลี่ยวันละ 1 รายส่งผลให้แพทย์เป็นสาขาวิชาชีพที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดในสหรัฐอเมริกา และอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ยังสูงกว่ากลุ่มประชากรทั่วไปถึงกว่า 2 เท่า

การศึกษาทบทวนปัญหาฆ่าตัวตายในหมู่แพทย์สหรัฐอเมริกา จากรายงานในที่ประชุม American Psychiatric Association (APA) ประจำปี 2561 เผยอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ที่สูงถึง 28-40 รายต่อแพทย์ 100,000 คน และสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มประชากรทั่วไป

พญ.ดีปิกา ทันวาร์ หัวหน้าคณะผู้ศึกษาวิจัยจากโรงพยาบาล Harlem Hospital Center ที่นครนิวยอร์คของสหรัฐชี้ว่าแพทย์ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมักมีภาวะซึมเศร้าหรืออาการทางจิตอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาได้ไม่ดีพอ

“แปลกมากค่ะที่อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์สูงกว่าทหารซึ่งทราบกันดีว่าเป็นอาชีพที่ต้องแบกรับความกดดันสูงมาก” พญ.ทันวาร์กล่าว

ความอับอายและการเข้าถึงหนทางตาย

คณะผู้ศึกษาวิจัยดำเนินการศึกษาทบทวนข้อมูลการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์หลายฉบับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาชี้ว่าอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์อยู่ระหว่าง 28-40 รายต่อแพทย์ 100,000 คนเทียบกับสถิติ 12.3 รายต่อ 100,000 รายในกลุ่มประชากรทั่วไป

และยังชี้ว่าแม้อัตราการพยายามฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์หญิงต่ำกว่าผู้หญิงทั่วไปมาก แต่อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในกลุ่มแพทย์หญิงกลับสูงกว่าราว 2.5-4 เท่าเทียบกับประชากรทั่วไปและไม่ต่างจากตัวเลขในกลุ่มแพทย์ชาย

พญ.ทันวาร์ เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญกำลังพยายามศึกษาสาเหตุของอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงลิ่วในกลุ่มแพทย์ โดยยกผลลัพธ์จากการศึกษาทบทวนชี้ว่าสาเหตุที่พบบ่อยมักหนีไม่พ้นโรคอารมณ์แปรปรวน ติดเหล้า และใช้สารเสพติด

อีกด้านหนึ่งมีการศึกษาวิจัยประเมินความชุกของโรคซึมเศร้าที่ร้อยละ 12 ในกลุ่มแพทย์ชายและร้อยละ 19.5 ในกลุ่มแพทย์หญิงอันเป็นระดับเดียวกับความชุกในกลุ่มประชากรทั่วไป โดยชี้ว่าโรคซึมเศร้ามักพบบ่อยในกลุ่มนักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้าน (พบร้อยละ 15 และร้อยละ 30 ตามลำดับ)

คณะผู้ศึกษาวิจัยชี้ว่าปัญหาโรคอารมณ์แปรปรวนในแวดวงผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ไม่ได้จำกัดเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ทว่าข้อมูลจากฟินแลนด์, นอร์เวย์, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, จีน และทั่วทุกมุมโลกล้วนรายงานความชุกที่สูงขึ้นของภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า และความคิดอยากฆ่าตัวตายทั้งในกลุ่มนักศึกษาแพทย์และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์

พญ.ทันวาร์ ชี้ว่า ความอับอายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางการรักษา โดยอ้างถึงข้อมูลจากการศึกษาวิจัยซึ่งพบว่าครึ่งหนึ่งของแพทย์หญิงที่ตอบแบบสอบถามทางเฟซบุคมีลักษณะที่สอดคล้องกับเกณฑ์ความผิดปกติทางจิตแต่กลับไม่ยอมเข้ารับการรักษาเนื่องจากกลัวจะขายหน้า

ข้อมูลจากการศึกษาทบทวนรายงานว่า การใช้ยาพิษและแขวนคอเป็นวิธีฆ่าตัวตายที่แพทย์สหรัฐใช้กันมากที่สุด และว่า ความรู้ระดับสูงและสามารถเข้าถึงวิธีการจบชีวิตได้ง่ายเป็นสาเหตุสำคัญของอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จที่สูงในกลุ่มแพทย์ นอกจากนี้ยังชี้ด้วยว่ากระทั่งจิตแพทย์เองก็เป็นสาขาเฉพาะทางที่มีอัตราการฆ่าตัวตายติดกลุ่มหัวแถว

ปัจจุบันเริ่มเห็นการตื่นตัวแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ โดย พญ.ทันวาร์ กล่าวว่า การประชุมของ APA ในปีนี้มีหลายหัวข้อซึ่งเน้นไปที่สุขภาวะและปัญหาหมดไฟในการทำงาน ซึ่งอาจมีส่วนช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ได้

แนวโน้มอันน่าวิตก

รศ.พญ.เบธ บรอดสกี จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์อยู่ในระดับน่าวิตก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหากพิจารณาถึงความเครียดเรื้อรังที่แพทย์ต้องเผชิญมาตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษาแพทย์ จนเมื่อสำเร็จการศึกษาออกมาเป็นแพทย์ประจำบ้านก็ยังต้องผจญกับความคาดหวังที่สูง การแข่งขันเพื่อรักษาตำแหน่งของตนเอง แล้วไหนยังต้องอดนอนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจนำไปสู่การใช้สารเสพติดอันเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการฆ่าตัวตาย อีกทั้งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของแพทย์หญิงก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์สูงขึ้นเช่นกัน

รศ.พญ.บรอดสกี เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญซึ่งทุ่มเทแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ โดยเธอมองว่าการฆ่าตัวตายไม่ใช่อาชญากรรมหากแต่เป็น “ความป่วยไข้” ที่ทำให้บุคคลเสียชีวิตด้วยน้ำมือของตนเอง

รศ.พญ.บรอดสกี แสดงความชื่นชม APA ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาการฆ่าตัวตายในกลุ่มแพทย์ โดยชี้ว่าเป็นการกระตุกให้ตระหนักถึงปัญหาอันจะนำไปสู่หนทางสำหรับการป้องกันและแก้ไขในที่สุด และทิ้งท้ายว่าหากทุกฝ่ายอภิปรายปัญหาการฆ่าตัวตายในฐานะโรคภัยไข้เจ็บก็จะเป็นการนำปัญหานี้ออกจากมุมมืดและก้าวข้ามความอับอายอันเป็นเงาทะมึนที่ปกคลุมอยู่ตลอดมา

แปลจาก Physicians Experience Highest Suicide Rate of Any Profession [www.medscape.com] [2]

แลหน้า [3]
Medscape [4]
แพทย์ [5]
ฆ่าตัวตาย [6]
สหรัฐอเมริกา [7]

Source URL: https://www.hfocus.org/content/2018/05/15817

Links
[1] https://www.hfocus.org/topics/medscapecom-0
[2] https://www.medscape.com/viewarticle/896257?src=soc_fb_180507_mscpedt_news_mdscp_suicide&faf=1
[3] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2
[4] https://www.hfocus.org/topics/medscape
[5] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C
[6] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2
[7] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2