Published on Hfocus.org เจาะลึกระบบสุขภาพ (https://www.hfocus.org)

Home > มนุษยชาติฉิบหายทั่วทั้งโลก WHO ประกาศ “ยาปฏิชีวนะสูญเสียคุณสมบัติการรักษาแล้ว”

มนุษยชาติฉิบหายทั่วทั้งโลก WHO ประกาศ “ยาปฏิชีวนะสูญเสียคุณสมบัติการรักษาแล้ว”

Tue, 2014-05-06 11:12

สถานการณ์โลกต่อประเด็น “เชื้อดื้อยา” ขณะนี้อยู่ในระดับวิกฤต

หน่วยงานทางสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาควิชาการ หรือเครือข่ายภาคประชาชน นาทีนี้ไม่อาจเพิกเฉยต่อไปได้อีกแล้ว

นั่นเพราะไม่ใช่เพียงประชาชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบ หากแต่จากนี้ไปคือความฉิบหายร่วมของมวลมนุษยชาติ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ย้ำประเด็นมาโดยตลอดว่า พบเชื้อแบคทีเรียมีการดื้อยาสูงขึ้นตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา

ประเทศไทยก็มีการพูดถึงกันมาอย่างเรื่อยๆ แต่ยังคงจำกัดอยู่ในวงแคบสำหรับผู้ที่สนใจเท่านั้น

ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยบอกไว้ว่า สถานการณ์เชื้อดื้อยาของไทยกำลังเข้าขั้นวิกฤต โดยเฉพาะในกลุ่มยาปฏิชีวนะ เนื่องจากมีการคิดค้นยาชนิดใหม่น้อยลง ซึ่งหากปล่อยให้เกิดปัญหาดังกล่าวมากขึ้นจะนำไปสู่การแพร่ระบาดของเชื้อดื้อยาอย่างรวดเร็ว

อีกหนึ่งสาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม ทั้งการสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น และการใช้ยาโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทำให้รักษาโรคไม่หาย จนนำไปสู่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่าไทยมีการนำเข้าและผลิตยาปฏิชีวนะกว่า 20% ของยาทั้งหมด หรือราว 2 หมื่นล้านบาท

“เมื่อมีการใช้ยามากขึ้นยิ่งก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มยิ่งขึ้น การดื้อยามักเกิดในโรงพยาบาลประมาณ 86-88%” ภญ.นิยดา ระบุ

นั่นคือความน่ากลัวของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

ทว่าในปัจจุบันสถานการณ์การดื้อยาปฏิชีวนะกลับยกระดับขึ้นสูงถึงขีดสุด ถึงขั้นที่องค์การอนามัยโลกประกาศว่า “โลกเข้าสู่ยุคที่ยาปฏิชีวนะได้สูญเสียคุณสมบัติในการรักษาโรคไปแล้ว”

แม้ว่าข้อมูลจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ 114 ประเทศทั่วโลกพบว่ายาปฏิชีวนะสามารถใช้รักษาโรคหรืออาการบาดเจ็บ ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

จากผลการศึกษาพบว่าแบคทีเรียในโรคติดเชื้อในกระแสเลือด โรคท้องร่วง โรคปอดบวม โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และหนองใน สามารถต้านทางยาปฏิชีวนะได้ทั้งหมด

นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังพบอีกว่า ยาปฏิชีวนะไม่สามารถสู้กับเชื้อ Klebsiella pneumonia ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อได้ง่ายในโรงพยาบาล

“ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ผลิตยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ออกมาเลย เนื่องจากบริษัทยาต่างๆ ไม่มีงบประมาณในการวิจัย ที่สำคัญที่สุดคือแม้ว่าคิดค้นยาปฏิชีวนะใหม่ออกมา ก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้น ไม่ทันต่อการพัฒนาของแบคทีเรีย” ข้อมูลองค์การอนามัยโลก ระบุ

ทางออกระยะสั้นในขณะนี้ องค์การอนามัยโลกจึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ เก็บยาปฏิชีวนะไว้ใช้ในยามฉุกเฉินทั้งในคนและสัตว์ รวมทั้งให้รักษาความสะอาดของมือให้มากยิ่งขึ้น

“ทั่วโลกจำเป็นที่จะต้องวางแผนการใช้ยาให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้เพื่อที่จะจ่ายยาปฏิชีวนะได้ในกรณีที่ฉุกเฉินเท่านั้น เราเห็นถึงความน่ากลัวของการดื้อยาปฏิชีวนะในการรักษาผู้ป่วยรวมถึงในเด็กด้วย โดยเฉพาะในประเทศที่ต้องพัฒนาซึ่งการแพทย์ยังไม่เจริญเต็มที่ เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมา” ผู้เชี่ยวชาญระบุ

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ คือ 1.ใช้ยาในโรคที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เช่น โรคหวัด ท้องเสีย 2.เลือกใช้ยาที่ไม่เหมาะสมกับเชื้อแบคทีเรีย 3.ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและยา ทำให้รับประทานยาหลายชนิดและบ่อยหรือรับประทานไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง

เชื้อแบคทีเรียต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพราะดื้อยาสูง ได้แก่ 1.เชื้อสเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี ทำให้เกิดโรคปอดบวม และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ 2.เชื้ออีโคไล ทำให้เกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบและการติดเชื้อในช่องท้อง 3.เชื้ออะซีนีโตแบคเตอร์บอแมนนิอาย เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในโรงพยาบาล

ข้อเสนอขององค์การอนามัยโลก คือให้จัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการเฝ้าระวังการดื้อยาปฏิชีวนะขึ้นในระดับโลก นอกเหนือจากการจัดทำมาตรฐานการใช้ยาปฏิชีวนะในปศุสัตว์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกแล้ว

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการให้การศึกษาต่อสาธารณะให้ระมัดระวังในการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเหล่านั้นดื้อยา  ที่สามารถปฏิบัติได้ง่าย แต่ไม่ค่อยมีการตระหนักถึงความสำคัญมากมายนัก อย่างเช่น การใช้ยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งเท่านั้น การใช้ยาปฏิชีวนะตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเหลือใช้หรือร่วมกับผู้ป่วยรายอื่นๆ

สำหรับผู้ป่วยดื้อยาในประเทศไทยที่กินยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่งใน 3 โรค ได้แก่ 1.โรคเอดส์ ซึ่งต้องกินยาไปตลอดชีวิต อัตราการดื้อยาไม่เกิน 5% จากผู้ป่วยทั้งหมด 2 แสนคน 2.โรควัณโรค ที่ต้องกินยาต่อเนื่อง 6-8 เดือนมี 1,500 คน ดื้อยาจากทั้งหมด 9 หมื่นคน 3.โรคมาลาเรีย พบปัญหาเชื้อดื้อยามากตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงสาธารณสุขต้องผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ต้องเริ่มทำทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้สถานากรณ์ทางการเมืองนิ่งแต่อย่างใด

แลหน้า [1]
นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี [2]
กพย. [3]
ยาปฏิชีวนะ [4]
เชื้อดื้อยา [5]
องค์การอนามัยโลก [6]
ฮู [7]
กระทรวงสาธารณสุข [8]
สธ. [9]

Source URL: https://www.hfocus.org/content/2014/05/7111#comment-0

Links
[1] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2
[2] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B5
[3] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A2
[4] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B0
[5] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2
[6] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
[7] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%AE%E0%B8%B9
[8] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82
[9] https://www.hfocus.org/topics/%E0%B8%AA%E0%B8%98