ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ดีเอสไอขอเวลาดำเนินคดีคนผิดกรณียาซูโดฯไม่เกิน 2 สัปดาห์ ชี้ผู้เกี่ยวข้องตำแหน่งสูงสุดไม่เกินผอ.รพ.

ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการประชุมคณะทำงานป้องกันปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด สธ. โดยนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธร  นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ในระหว่างการประชุมนายพสิษฐ์ ได้มอบเอกสาร และหลักฐานชุดจริงที่รวบรวมมาได้จาก รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รวมทั้งลายมือชื่อที่มีการเขียนลงบนกระดาษเอ 4 ระบุรายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนชุดจริงที่ได้มาจาก รพ.กมลาไสย ส่งมอบให้กับทางดีเอสไอด้วย

ทั้งนี้นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ โฆษกคณะทำงานฯ ได้ชี้แจงในระหว่างการประชุมว่า เอกสารที่ส่งมอบให้ดีเอสไอในครั้งนี้เป็นเอกสารชุดจริงที่ทางคณะทำงานฯได้มาจาก รพ.กมลาไสยทั้งหมด เพื่อให้ดีเอสไอตรวจสอบผู้ที่มีรายชื่อตามเอกสารที่ส่งให้ไปว่ามีความเกี่ยวข้องกับกรณียาซูโดอีเฟดรีนหายไปจากระบบโรงพยาบาลหรือไม่

โดยนายสรรเสริญ กล่าวในระหว่างการประชุมว่า ในส่วนของความคืบหน้าทางด้านคดีนั้นพบโรงพยาบาลของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 8 แห่งโรงพยาบาลเอกชน 4 แห่ง และคลินิกอีก 4 แห่ง รวมทั้งหมด 16 แห่งโดยการสืบสวนคืบหน้าไปมาก

"การมาร่วมประชุมครั้งนี้เพราะทางนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แจ้งว่าให้มารับเอกสารจากทางคณะทำงานฯ เพิ่มเติม ส่วนที่ระบุว่าไม่กี่สัปดาห์จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีนั้น น่าจะไม่เกิน2 สัปดาห์จะสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้

นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากข้อมูล และหลักฐานที่ทางดีเอสไอมีอยู่ในขณะนี้ ยังไม่พบผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าระดับผู้อำนวยการ(ผอ.)โรงพยาบาลเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันยังพบผู้กระทำความผิดที่เป็นเภสัชกร และบุคคลภายนอกโรงพยาบาลเกี่ยวข้องด้วย ส่วนฐานความผิดที่จะใช้ดำเนินคดีนั้นจะยึดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ในการดำเนินคดีเป็นหลัก

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน วันที่ 15 พฤษภาคม 2555