ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

“หมอประดิษฐ” ให้นโยบาย 30 บาทยุคใหม่ เน้นปรับโครงสร้างการเงินการคลังให้สมดุลตั้งเป้า 1 ปีจะมีหน่วยงานกลางในการจัดทำธุรกรรมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลระดับชาติ พร้อมบูรณาการ 3 กองทุนเท่าเทียม เตรียมเดินหน้าบูรณาการขยายสิทธิรักษามะเร็งทั้งระบบมาตรฐานเดียว

นพ.ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเปิดเผยหลังให้นโยบายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า    ทิศทางการทำงานในระบบหลักประกันสุขภาพชาติ ใน 10 ปีต่อไปคนไทยทุกคนจะมีสุขภาพแข็งแรงเพิ่มขึ้น และจะต้องมีสุขภาพดีเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆเพื่อเป็นฐานในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งการทำงานจะเน้นร่วมกันเป็นทีม ทั้งภายในหน่วยงาน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายตัวชี้วัดการวัดผลการทำงานชัดเจน   ในการสนองต่อนโยบายที่ได้มอบหมาย โดยมีนโยบาย 4 ประการดังนี้

1.การปรับโครงสร้างด้านการเงินการคลังเพื่อสร้างความสมดุลของรายได้และรายจ่ายด้านสุขภาพของประเทศในระยะยาว ทั้งระดับมหภาค ภูมิภาค และระดับโรงพยาบาลที่เหมาะสมของแต่ละแห่ง โดยสปสช.ต้องมีระบบการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับระบบตัวชี้วัดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มีระบบการติดตามกำกับผลงานที่มีประสิทธิภาพ มีการปรับระบบจัดการบริหารภายใน  โดยปรับโครงสร้างเพื่อรองรับงานใหม่  การสื่อสารสาธารณะเชิงรุก ตลอดจนพัฒนาระบบการดูแลค่าตอบแทนบุคลากร (commissioning) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข

2.การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารให้เป็นระบบและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลระดับชาติ (National Health Information) และภายใน  1 ปี ตั้งเป้าหมาย จะมีหน่วยงานกลาง ในการจัดทำธุรกรรมการเบิกจ่ายระดับชาติ (National clearing house) หรือเคลียริ่งเฮาส์เกิดขึ้น โดยมีคณะกรรมการดูแลระบบที่มีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน หน่วยบริการจะส่งข้อมูลทุกระบบผ่านหน่วยงานเดียวระบบเดียว มีระบบการเรียกเก็บเงินจากสปสช.ไปยังกองทุนอื่น  และจ่ายเงินจากสปสช.ให้หน่วยบริการ เป็นระบบเดียว ใช้ได้กับ 3 กองทุน มีการนำข้อมูลของทุกระบบไปใช้ในการติดตามและวางแผนอย่างเป็นระบบ รวมถึงมีการจัดระบบร้องเรียนจากประชาชนและหน่วยบริการด้วย 

3.การเสริมสร้างบทบาทหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีและประโยชน์ร่วมกันทั้งระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการเป็นศูนย์เรียนรู้และขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งได้มีการหารือการทำงานกับญี่ปุ่น ทั้งในประเด็นเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจากการดำเนินการหลักประกันสุขภาพมา 10 ปี  ส่งผลให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์ฝึกอบรมในเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ ซึ่งขณะนี้สปสช.มีโครงการร่วมกับองค์กรนานาชาติ เช่น มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ในการทำโครงการพัฒนาบุคลากรให้กับประเทศต่างๆ ขณะที่ในเวทีระดับนานาชาติ เช่น สมัชชาสุขภาพโลก และ สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ประเทศไทยมีบทบาทนำในการขับเคลื่อนประเด็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้เป็นมติในเวทีต่างๆ ซึ่งจะมีการนำเข้าหารือในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งหน้า และมีส่วนร่วมในการกำหนดตัวชี้วัดสหัสวรรษใหม่โดยนำบทเรียนเรื่องเกี่ยวกับระบบหลักประกันต่างประเทศมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย

4.การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงคุณภาพของระบบหลักประกันสุขภาพ  30 บาทรักษาทุกโรค มีนโยบายสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การบูรณาการสิทธิของผู้ป่วยที่พึงได้รับจากระบบประกันสุขภาพต่างๆ ให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้นทัดเทียมกันที่จะเตรียมเสนอ คือ การบูรณาการโรคมะเร็งทั้งระบบมี หลักเกณฑ์รักษาเหมือนกัน, การใช้ระบบการเบิกจ่ายเดียวกันและมีการจัดระบบการจัดซื้อยารวมเพื่อให้ได้ราคาถูกลง  2. การดูแลสุขภาพในระยะยาวโดยจะทำร่วมกับญี่ปุ่นโดยจัดทำระบบหลักประกันสุขภาพแนวใหม่ และ 3. การดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบประคับประคองโดยจะมีการนำระบบการบำบัดอาการปวดของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายมาใช้ และการขยายบริการเชิงรุกภายในชุมชน รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงระบบบริการอย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม  ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายในการรวมกองทุน เนื่องจากที่มาของแต่ละกองทุนต่างกัน และ สิทธิประโยชน์ของแต่ละกองทุนจะต้องไม่ลดลง จะยกระดับสิทธิประโยชน์แต่ละกองทุนขึ้นไปให้เท่ากัน และบูรณาการให้มีมาตรฐานเดียวกัน