ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เกิดขึ้นมากมาย อาทิ การสำรองวัตถุดิบพาราเซตามอล148 ตัน ความล่าช้าในการก่อสร้างโรงงานวัคซีน โรงงานยาเอดส์ โรงงานผลิตยาถนนพระราม 6 รวมไปถึงกรณียาโรคหัวใจที่ซื้อมาแล้วไม่ได้จำหน่ายเนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยากับบริษัทยาต้นแบบจนยาใกล้จะหมดอายุ ท้ายที่สุดได้มีการเจรจาส่งยาคืนบริษัทไป ซึ่งเรื่องทั้งหมดยังไม่มีบทสรุปว่าใครผิดใครถูกหรือไม่ อย่างไร คงต้องให้โอกาสผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ คำถามคือเรื่องทั้งหมดนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรมากน้อยเพียงใด เพราะต้องยอมรับว่า อภ.มีประวัติที่ดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย มุ่งมั่น สร้างสรรค์ นวัตกรรมคุณภาพยาและเวชภัณฑ์ภายใต้บริบทแห่งมาตรฐานสากล ให้ทันกับความต้องการและสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยภายใต้สโลแกน "รับผิดชอบชีวิต ผลิตยาคุณภาพ"

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) บอกว่า ข่าวต่าง ๆ ที่ออกมามีหลายมุมทั้งบวกและลบ ต้องมองหลาย ๆ มุมอย่าไปมองมุมเดียว ถามว่ามีเรื่องของภาพลักษณ์ไหม ต้องยอมรับว่ามีเพราะคนไม่เข้าใจทั้งหมด ผมมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นกรณีศึกษาทำให้การทำงานของทั้งองค์กรต้องระมัดระวังและเน้นเชิงคุณภาพมากขึ้น คนใน อภ.ต้องกลับมามองดูตัวเองว่าคนข้างนอกมองเราอย่างไร เราต้องเปิดใจให้กว้าง ผมยังคิดว่าตรงนี้จะเป็นแรงกระตุ้นทำให้องค์กรเข้มแข็งที่จะลบล้างข้อสงสัยต่าง ๆ

อยากให้ทุกคนใน อภ.มาช่วยกัน เพราะคนเฝ้ามองเราอยู่ ณ วันนี้วิธีการที่จะพิสูจน์ คือ การกระทำ การดำเนินงาน การปฏิบัติงาน ที่มีความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดหา บทเรียนแต่ละบทเอามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนา ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ออกไป

กระทรวงสาธารณสุขยังโดนอะไรมาตั้งเยอะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมา เราเห็นความเจ็บปวดทั้งกรณีทุจริตยา 1,400 ล้านบาท กรณีไทยเข้มแข็ง ถามว่าหลังจากเจ็บปวดแล้วมีอะไรดีขึ้นหรือเปล่า มันเกิดประโยชน์หรือไม่ คำตอบคือ เกิดประโยชน์ มิฉะนั้นก็อาจจะมีเครื่องมือที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มไปหมด แต่ตอนนี้การจะซื้ออะไรต้องระวัง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ซื้อเลย

อยากให้สื่อสารไปยังประชาชนที่อาจจะไม่เชื่อมั่น ?

ผมยังยืนยันว่า ยาของ อภ.มีประสิทธิภาพ และคุณภาพ เรารักษาในเรื่องความเชื่อมั่นตรงนี้ เพราะอะไรที่กระทบกับความเชื่อมั่นเราจะเร่งดูแลและแก้ไข แม้แต่กรณีวัตถุดิบพาราเซตามอล ก็อยากจะย้ำอีกทีว่า วันนี้วัตถุดิบที่มีข่าวว่ามีปัญหานั้นไม่ได้นำมาผลิตและไม่ได้ออกสู่ท้องตลาดเลย เราตัดไฟแต่ต้นลม แม้แต่วัตถุดิบส่วนที่ไม่มีปัญหาเราคำนึงถึงว่าจะเกิดความวิตกกังวลและได้ส่งคืนทั้งหมด ถึงแม้จะเสียหายต่อองค์กรบ้างเราก็ยอม เพื่อที่จะรักษาความเชื่อมั่นเอาไว้ เพราะฉะนั้น ณ วันนี้เราคำนึงถึงความศรัทธา ความเชื่อมั่น ซึ่งมันต้องมาพร้อม ๆ กัน ในขณะเดียวกันเราต้องย้อนดูตัวเอง ดูขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ด้วย อยากให้เจ้าหน้าที่ อภ.ทุกคนเข้มแข็ง และใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรมเป็นห่วงภาพลักษณ์องค์กร ?

ผมอธิบายเขาไปรอบหนึ่งแล้วว่าผมเห็นด้วยกับเขาในความห่วงใยต่อองค์กร แต่ผมก็พูดไปแล้วในหลักการว่าเราเป็นองค์กรของรัฐ เรามีกู๊ด โกเวอร์แนนซ์ (ธรรมาภิบาล) ต้องพร้อมให้คนตรวจสอบได้ใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ โดยหลักการเราเองไม่ปกป้องหากมีบุคคลที่ทำผิดใช่ไหม ที่ผมพูดตรงนี้ไม่ได้พูดถึงใครคนใดคนหนึ่งเป็นการพูดในหลักการ เขาก็บอกถูกต้อง แน่นอนอะไรที่จะกระทบภาพลักษณ์ก็ต้องออกมาช่วยกันปกป้อง นี่คือหลักการ

ถามว่าส่วนตัวผมมองสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรมอย่างไร ผมชื่นชมเขานะเมื่อวันแรกที่เขาออกมา เขาก็ต้องการปกป้ององค์กร แต่ขณะเดียวกันเราต้องเปิดกว้างให้มีการตรวจสอบ ต้องยอมรับ เพราะเราเป็นองค์กรสาธารณะ เรามีอะไรเราไม่ซุกใต้พรม เมื่อใครสงสัยก็เคลียร์ เมื่อพายุมา ฝนมา พอสักพักมันก็สว่าง

อภ.มีชื่อเสียงที่ดีมายาวนานแต่พอมีเรื่องต่าง ๆ จึงมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น?

เป็นเรื่องปกติขององค์กรขนาดใหญ่ วันเวลาหนึ่งมีข้อสงสัยก็ต้องมีการตรวจสอบ ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียน ต้องช่วยกันป้องกัน อย่าให้เกิดซ้ำ

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 27 เม.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--