ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย หนุนเลือกตั้ง 2 ก.พ. ค้านข้อเรียกร้องนอกกรอบ รธน. เดินหน้าร่วมจุดเทียนเพื่อเรียกร้องสันติ พร้อมระบุ ปลัด สธ. แสดงจุดยืนสามารถทำได้ ถือเป็นความเห็นต่าง แต่ห่วงปัญหาแตกแยกภายใน สธ.ที่อาจเกิดขึ้น แนะเพื่อความเป็นกลางไม่ควรใช้ชื่อสถานพยาบาลแสดงจุดยืนทางการเมือง

นพ.ภีศเดช สัมมานันท์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลนครพิงค์ ในฐานตัวแทนกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ เพราะข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะให้ทำการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป รวมถึงการขอให้รัฐบาลรักษาการลาออก และให้ตั้งรัฐบาลกลางขึ้นใหม่เพื่อปฏิรูปประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้รัฐบาลไม่สามารถทำตาม ดังนั้นจึงทำให้เกิดปัญหา ประกอบกับการเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้อง มีการขยายวงกว้างมากขึ้น มีการเคลื่อนปิดหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งในที่สุดแล้ว อาจทำให้ตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมายต้องใช้กำลังเข้าควบคุม และเกิดการปะทะกันได้ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นอีก

“หากเป็นไปได้อยากให้มีการเจรจากัน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ภายใต้ข้อตกลงที่เป็นไปได้ทางกฎหมายและประชาธิปไตย เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งนี้ข้อเรียกร้องให้ทำการปฏิรูปประเทศนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งภายใต้ระบบประชาธิปไตยต่างมีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน การปฏิรูปจึงควรเป็นแบบการมีส่วนร่วม คงไม่ใช่การปฏิรูปที่ทำโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ตัวแทนกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย กล่าว

ส่วนกรณีที่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาแสดงจุดยืนในนามประชาคมสาธารณสุข ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งและขอให้รัฐบาลลาออกนั้น นพ.ภีศเดช เห็นว่า หากเป็นการแสดงออกภายใต้รัฐธรรมนูญ และไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ถึงขั้นปิดถนน ปิดหน่วยราชการ ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการแสดงความเห็นส่วนบุคคล เป็นความเห็นส่วนตัวของท่านปลัด ซึ่งการแสดงความเห็นที่แตกต่างย่อมสามารถทำได้อยู่ อย่างไรก็ตามจากการติดตามข่าวเกรงว่าอาจทำให้เกิดความแตกแยกภายในกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน โดยเฉพาะในระดับผู้บริหาร แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าทุกคนต่างทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามหน้าที่

นพ.ภีศเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทางกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนแล้ว โดยสนับสนุนให้เดินหน้าเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. นี้ ทั้งนี้ที่มาของการรวมตัวจนเป็นกลุ่มเพื่อสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตยนั้น เริ่มต้นจากการพูดคุยกันโดยส่วนตัวระหว่างกลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุข ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศยุบสภา และมีข้อเรียกร้องให้ทำการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงให้รัฐบาลรักษาการลาออก โดยต่างมีความเห็นในแนวทางเดียวกันที่อยากให้มีการเลือกตั้ง จากนั้นจึงได้มีการโทรศัพท์พูดคุย ติดต่อกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค จนมีการขยายกลุ่มออกไป ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกประมาณ 600 คนทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ภาคกลาง เหนือ อีสาน และใต้ หรือแม้แต่ใน กทม. เอง โดยกิจกรรมที่ทางกลุ่มร่วมกันทำ คือการเข้าร่วมจุดเทียนและใส่เสื้อขาว เพื่อเรียกร้องแนวทางสันติ ร่วมกับกลุ่มที่ทำกิจกรรมนี้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยสมาชิกมีทั้งแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาขาต่างๆ ในระบบสาธารณสุขทั้งหมด  

ต่อข้อซักถามว่า การออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองที่แตกต่างจากความเห็นของปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะถือว่าเป็นการขัดแย้งต่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นพ.ภีศเดช กล่าวว่า เชื่อว่าท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขคงเข้าใจ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นหน่วยงานองค์กรขนาดใหญ่ และมีบุคลากรกระจายอยู่ทั่วประเทศ การที่มีความเห็นที่แตกต่างกันถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ต้องอยู่ภายในกรอบกฎหมายของบ้านเมือง

สำหรับแถลงการณ์จุดยืนของทางกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย มีดังนี้ 

1.เราเชื่อมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข 2.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้กรุณาใช้ความอดทน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง 

3.ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่รักษาความสงบ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ โดยขอให้ยึดหลักกฎหมายและมนุษยธรรมสากล 

4.เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ได้แก่ รัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามรัฐธรรมนูญอย่างดีที่สุด เพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง

5.คัดค้านการเปลี่ยนแปลง การกระทำ หรือเรียกร้องใดๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 

6.ควรหลีกเลี่ยงการใช้ชื่อสถานพยาบาลในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อความเป็นกลาง ทำให้ผู้มารับบริการมั่นใจว่าจะได้รับบริการที่ดีไม่ว่าจะมีความเห็นทางการเมืองอย่างไร

7.เรายึดมั่นในสิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาค อันเป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ให้คนในสังคมได้มีส่วนร่วม และต่อสู้ทางการเมืองกันตามกติกา