ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เดลินิวส์ - เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่รัฐสภา เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข นำโดย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนไม่เอารัฐบาลโกงประชาชนต่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศ รองประธานวุฒิสภา โดยนพ.ณรงค์ ระบุว่าตั้งแต่ความขัดแย้งทางการเมือง 3 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มียอดผู้เสียชีวิต ณ วันนี้ 22 คน บาดเจ็บเกือบ 1 พันคน โดยเฉพาะมีเด็กที่ไร้เดียงสาเสียชีวิตลงด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นคนไทยเป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คนไทยทุกคนต่างกังวลและห่วงใยอนาคตประเทศท่ามกลางวิกฤติ ขณะนี้ทุกภาคส่วนตระหนักดีกว่าเราต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ทางเครือข่ายฯ ตระหนักดีว่าวิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นจากหลากหลายปัจจัยที่สะสมมายาวนาน สะท้อนถึงความอ่อนแอของระบบต่าง ๆ จึงมีความเห็นร่วมกันว่าประเทศไทยต้องการปฏิรูปอย่างจริงจัง ทั้งนี้เครือข่ายฯขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอแสดงจุดยืนที่ชัดเจนที่จะไม่ยอมรับรัฐบาลที่โกงประชาชน ไม่ว่าจะรัฐบาลใด และจะร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยได้รวบรวมรายชื่อในกลุ่มเครือข่ายได้ 121,260 รายชื่อสนับสนุนในจุดยืนดังกล่าว และขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของ ส.ว.ที่เป็นสถาบันหลักเป็นที่พึงของประชาชน เพื่อนำพาประเทศชาติก้าวพ้นวิกฤติในครั้งนี้

ด้านนายสุรชัย กล่าวว่า ขอชื่นชมความกล้าหาญของบุคลากรของสาธารณสุขที่เป็นกระทรวงแรกที่กล้าประกาศจุดยืน และเชื่อว่าไม่ใช่การเลือกตั้งข้าง ปัญหาในวันนี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังสะสมมากว่า 10 ปี ด้วยเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งเพราะประชาชนให้ความไว้ใจนักการเมืองพรรคการเมืองมากเกินไป แต่ให้ความสนใจกับตัวเองน้อย ดังนั้นต่อไปนี้พวกเราต้องช่วยกันมอนิเตอร์ตรวจสอบฝ่ายการเมืองอย่างเข้มข้น ส่วนกระแสการขอแบ่งแยกประเทศตนเชื่อพวกเราก็ยอมรับกันไม่ได้ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวตนจะนำไปแจ้งให้ส.ว.ทุกท่านทราบและจะรีบดำเนินการตามอำนาจที่มีอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ที่ รพ.รามาธิบดี ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมแสดงพลังเพื่อแสดงออกจุดยืนในการปฏิเสธการบริหารงานของรัฐบาล โดยถือป้ายข้อความว่า “ไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน” จากนั้นได้ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกก่อนแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่.

ที่มา: http://www.dailynews.co.th