ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“พวกพี่แค่ไปยื่นจดหมายให้ปลัด สธ.วางตัวให้เป็นกลาง  อย่าเอาองค์กรเข้าไปเล่นการเมือง แต่ดูพวกข้าราชการที่ตึกสำนักงานปลัดฯทำกับพวก อสม.นครบาลสิ  สาดน้ำ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เป่านกหวีด พี่อยากให้ปลัด สธ.วางตัวให้เป็นกลาง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่การเมืองมีการแบ่งฝั่งกันอย่างชัดเจนแบบนี้”

อสม.นครบาลในวันที่มายื่นหนังสือเรียกร้องปลัดสธ. เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา

สิ้นเสียงระบายความอัดอั้นของ นางกระระวี ตันตระกูล ประธาน อสม.นครบาล ที่เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ในวันนั้นเธอกับพรรคพวก อสม.นครบาลที่ต้องการไปยื่นหนังสือ และแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่กลับเป็นฝ่ายที่โดนข้าราชการในตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด่าทอ เป่าหวีด จนเกือบมีการปะทะกันอย่างที่เป็นข่าว

ประธาน อสม.นครบาล  เล่าว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พวกเราต้องการให้ นพ.ณรงค์  สหเมธาพัฒน์  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) วางตัวให้เป็นกลาง หยุดเล่นการเมือง หยุดทำร้ายองค์กรกระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรให้มีการเลือกข้าง  “พี่รู้ว่า  อสม.แต่ละคนมีความชื่นชอบทางการเมืองไม่เหมือนกัน เรารู้ว่า คนไหนเป็นแดง  คนไหนเป็นเหลือง แต่เรายังทำงานร่วมกันได้ แต่พอปลัด สธ.ออกตัวมาต่อต้านรัฐบาลโกงในช่วงเวลานี้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็น อสม.หรือข้าราชการ แพทย์ พยาบาล ต่างเลือกข้างกันอย่างชัดเจน  ทั้งที่บุคลากรทางด้านสาธารณสุขไม่ควรจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่า จะเข้าข้างฝ่ายใดก็ได้ แต่หากเป็นความชอบส่วนตัวสามารถทำได้ แต่ไม่ควรนำองค์กรเข้าร่วมกับความขัดแย้ง  ในทางสากลก็ไม่มีกระทรวงสาธารณสุขที่ใดทำแบบนี้

อยากถามท่านปลัดว่า เมื่อรู้ว่ารัฐบาลโกง แล้วทำไมท่านถึงอยู่กับรัฐบาลจนเขายุบสภา ทำไมท่านไม่ออกมาบอกให้พวกเรา ช่วยกันต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ต้น  ทำไมถึงมาต่อต้านกันตอนนี้ แสดงว่าท่านรู้ว่ามีการโกง แต่ท่านไม่ทำอะไร”

นอกจากนี้ ปลัด สธ. คนปัจจุบันตั้งแต่เป็นปลัด ไม่เคยเรียกแกนนำ อสม.มาประชุมชี้แจงหรือพูดคุยใดๆเลย แต่ถ้าเวลาจะใช้ อสม.เป็นโล่ป้องกัน จะให้คนติดต่อมา พวกเราก็ยินดีที่จะช่วยทุกครั้ง  ปลัดเอาตัวเองรอดทุกครั้ง แม้กระทั่งวันนั้นพวกเราแค่จะมายื่นจดหมายท่านยังไม่ยอมมารับฟังปัญหาของพวกเราเลย  พวกเราเสียความรู้สึกมากที่สุด ปลัด สธ.ทุกท่านที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ เพราะทุกท่านทราบดีว่า อสม.คือผู้ช่วยในการทำงานของพวกข้าราชการ รู้จักพื้นที่ดีกว่า ข้าราชการ นางกระระวี กล่าว

ที่ผ่านมา ประธาน อสม. เล่าว่า อสม.ทุกคนทำงานจิตอาสา ถามว่าค่าตอบแทนที่ได้เดือน ละ 600 บาท นั้น ตนเป็นคนแรกที่ต่อต้านไม่ให้มีค่าตอบแทน แต่ถามว่า จะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ทุกคนน่าจะรู้  การทำงานจิตอาสาทุกคนมาด้วยใจ ที่ทำเพื่อประชาชน อสม.ไม่เคยไล่รัฐบาลไหน เราสามารถทำงานได้กับทุกรัฐบาล  เพราะเราทำงานให้กับประชาชน อยากให้ประชาชนมีสุขภาพดี แต่ทำไม ปลัด สธ.ต้องให้ อสม.เลือกข้าง  ภาครัฐจะต้องวางตัวเป็นกลางไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดความแตกแยกในองค์กรขึ้นมาก

“ถ้าปลัด สธ.เป็นคนดี  จะต้องทำให้เขาดีกัน เลือกที่จะเป็นกลาง อย่าเอาองค์กรเข้าไปอยู่ในความขัดแย้ง อยากให้ท่านหยุดเล่นการเมือง หยุดทำลายกระทรวงสาธารณสุขเสียที สิ่งที่พี่เสียใจที่สุดคือ ในวันนี้ คือ  หมอ พยาบาล ในหลายพื้นที่ก่อนจะรักษาผู้ป่วย กลับถามว่า อยู่เสื้อสีไหน ใครอยากรู้ว่าเป็นหมอพื้นที่ไหน มาถามพี่ได้เลย เห็นไหมว่า ความขัดแย้งสร้างผลเสียอย่างไรให้กับประชาชน”

นางกระระวี มองว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับ อสม.กับข้าราชการกระทรวงนั้น ตนเห็นว่า จะมีแค่ข้าราชการที่ทำงานในตึกสำนักงานปลัดกระทรวงเท่านั้นที่มีปัญหา ส่วนกรมอื่น กองอื่น อสม.ยังสามารถทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี แต่หากเมื่อใดที่ อสม.มีการแบ่งแยกสีเมื่อใด ตนเชื่อว่าการทำงานจะยากขึ้น เพราะทุกวันนี้ อสม.นครบาลก็ทำงานยากกว่า อสม.ในพื้นที่ต่างจังหวัด เนื่องจากว่า คนใน กทม.และพื้นที่ใกล้เคียง ไม่มีความไว้วางใจในตัว อสม. เพราะคนกลัวว่าจะเป็นนางนกต่อบ้าง กลัวเข้ามาทำร้ายบ้าง บางบ้านถึงกลับปล่อยหมาให้มากัดพวกเราก็เคยมีมาแล้ว แต่ อสม.นครบาลทุกคนไม่ย่อท้อ ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป แต่จะขอกระทรวงสาธารณสุขว่า ให้วางตัวให้เป็นกลางเท่านั้น

“ในพื้นที่ กทม.และใกล้เคียง มีประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งประชากรแฝง คนต่างด้าว และประชากรในรูปแบบอื่นๆ เป็นอีกผลหนึ่งที่ทำให้การติดตาม ควบคุมโรคต่างๆทำได้ยากขึ้นไปอีก”

แม้ว่าวันนี้ ประธาน อสม.นครบาล จะก้าวเข้ามาสู่วังวนของความขัดแย้งแบบไม่ตั้งใจ แต่ผลที่เกิดขึ้นทำให้เธอถึงกับถูกข่มขู่เอาชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กระระวีถอยหนีแต่อย่างใด  เธอยังบอกว่า ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ลูกๆเคยขอให้เลิกทำ อสม. แต่ตัวเธอยืนยันที่จะเป็น อสม.ต่อไปจนกว่าไม่มีแรง เธอบอกว่า แม่ของเธอเป็น อสม.รุ่นแรก  แม่บอกว่า ทำงาน อสม.เป็นงานที่ดี เป็นการทำงานที่ได้บุญ ได้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วย พวกเรา อสม.จะต้องสืบสานพระปณิธานของสมเด็จย่า และสมเด็จพระพี่นางฯในการดูแลประชาชนต่อไป ดังคำขวัญของ อสม.นครบาลที่ว่า

 “ประสานราษฎร์ เชื่อมรัฐ ขจัดภัยพิบัติ พัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน“

เรื่องที่เกี่ยวข้อง