ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทุกๆ 2 ปี แพทยสภาจะมีการสรรหาแพทย์ดีเด่นในวาระการทำงานของคณะกรรมการชุดนั้นๆ ซึ่งในปีนี้อนุกรรมการสรรหาแพทย์ดีเด่นพิจารณารายชื่อหมอที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายแล้วมีมติให้ ประกาศรายชื่อแพทย์ดีเด่นเป็น 3 สาขา กล่าวคืออาจารย์แพทย์ดีเด่น, แพทย์ผู้ปฏิบัติงานตรวจรักษาดีเด่น และแพทย์ผู้บริหารดีเด่น โดยมีพิธีมอบรางวัลเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค ระหว่างการจัดงาน Medical Expo 2014 ดังนี้

1.ศาสตราจารย์แพทย์หญิงบุญมี สถาปัตยวงศ์ แพทย์ดีเด่นสาขาอาจารย์

2.แพทย์หญิงพรจิต ประพิณวณิชย์ แพทย์ดีเด่นสาขาผู้บริหาร

3.นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร แพทย์ดีเด่นสาขาผู้บริหาร

4.นายแพทย์วิทยา สวัสดิวุฒิพงศ์ แพทย์ดีเด่นสาขาผู้ปฏิบัติงาน 

อาจารย์แพทย์ดีเด่นประจำปีนี้คือ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงบุญมี สถาปัตยวงศ์ อายุ 60 ปี สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ.2517 จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แล้วศึกษาฝึกอบรมต่อจนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางอายุรศาสตร์และโรคติดเชื้อ จากนั้นก็ได้เริ่มชีวิตการเป็นอาจารย์แพทย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525

ท่านเป็นครูผู้เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมแก่ลูกศิษย์ ที่ตั้งใจทำดี อย่างไม่ท้อถอย จนเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์ ดำรงชีวิตสมถะ และปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง มีความมุ่งมั่นในการทำงานด้วยความยุติธรรม เป็นที่ยกย่องและเคารพนับถือจากเพื่อนร่วมวิชาชีพ จากคุณธรรมจริยธรรมของการครองตนที่เหมาะสม ไม่คิด จะเอาเปรียบคนอื่นหรือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ท่านสนใจดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว ด้วย ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์

อาจารย์เป็นคนที่อุทิศตนพัฒนางานแพทยศาสตร์ศึกษา ปรับปรุงหลักสูตรแพทยศาสตร์ และพยายามสร้างมาตรฐานให้บัณฑิตแพทย์ดีพอที่จะรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชนด้วยการร่วมก่อตั้งศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศ.ร.ว.) ทำให้นิสิตนักศึกษาแพทย์ ทั้งประเทศต้องสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้วยข้อสอบเดียวกัน

แพทย์ดีเด่นสาขาผู้ปฏิบัติงานคือ นายแพทย์วิทยา สวัสดิวุฒิพงศ์ อายุ 57 ปี สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ปัจจุบันเป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเวชกรรมสังคมที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก ท่านเป็นหมอที่มีผลงานดีเด่นรอบด้านทั้งการเป็นนักวิจัย, นักระบาดวิทยา, เป็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่พิจารณาแก้ไขวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโท และเอก, เป็นนักพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล

จุดเด่นของท่านคือการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของข้าราชการที่ดี ตรงต่อเวลา มีความเสียสละและดำรงตนแบบเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนางานที่รับผิดชอบให้ก้าวหน้า เป็นอาจารย์ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย อุทิศตนเพื่อราชการอย่างมุ่งมั่น ไม่ประกอบวิชาชีพนอกเวลาราชการ ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนหรือคลินิกส่วนตัว

ท่านเป็นผู้มีคุณธรรมและความยุติธรรมตัดสินวินิจฉัยปัญหาด้วยเหตุผล ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและร่วมกิจกรรมของหมู่คณะ เพื่อนำองค์กรก้าวสู่ความมีมาตรฐานจนเป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน

ผลการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่สัมผัสสารแคดเมียม จากเหมืองแร่ในพื้นที่ของท่านมีผลทำให้ผู้บริหารร่วมแก้ไขปัญหาโดยกำหนดให้พื้นที่ปนเปื้อนสารแคดเมียม งดปลูกพืชที่เป็นห่วง โซ่อาหารเพื่อป้องกันมิให้ประชาชนรับแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายจากการบริโภคอาหารปนเปื้อน นับเป็นการป้องกันปัญหาแทรกซ้อน ที่จะตามมาเช่นไตวายและภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น

แพทย์ดีเด่นสาขาผู้บริหารของแพทยสภาในปีนี้มี 2 ท่าน

ท่านแรกคือ นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร อายุ 52 ปี สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็น ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเด็กราชนครินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเป็นผู้ริเริ่มโครงการ Child First work Together เพื่อพัฒนางานบริการ ของหน่วยงานด้วยการบูรณาการงาน, การวิจัย และพัฒนาเครื่องมือ ในการคัดกรอง ประเมินและส่งเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบ,จัดทำห้องสมุดของเล่นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา,จัดทำโครงการดูแลผู้บกพร่องทางสติปัญญา และเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า ในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการ, จัดทำโครงการคลินิกละคร และดนตรีบำบัดสำหรับเด็กพัฒนาล่าช้า

จุดเด่นของท่านคือการเป็นคนที่เอาใจใส่ต่อสังคม แม้ว่ากรมสุขภาพจิตจะไม่มีพันธกิจในการมอบอุปกรณ์ช่วยความพิการ แต่ด้วยความเข้าใจในความยากลำบากของผู้ปกครองที่ต้องอุ้มเด็กพิการ มารับการรักษา จึงได้ขอบริจาคอุปกรณ์จากต่างประเทศเพื่อมอบให้คนพิการฟรี ก่อให้เกิดอานิสงส์แก่คนพิการทั่วประเทศรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน

ท่านเป็นคนที่พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ได้วิธีการที่ดี กว่าเดิมจนเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและผู้ใช้บริการ

อีกท่านหนึ่งคือ แพทย์หญิงพรจิต ประพิณวณิชย์ อายุ 60 ปี สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และเพิ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลปัตตานีผลงาน ดีเด่นของท่านคือการพัฒนาโรงพยาบาลปัตตานีจนได้บริการที่ดีมีคุณภาพ และได้รับรางวัลแพทย์สตรีดีเด่นสาขาบริการดีเด่นประจำปี 2547 ท่านดูแลคนไข้ทุกระดับเป็นอย่างดี อีกทั้งส่งเสริมบุคลากรของโรงพยาบาลให้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการตั้งชมรมจริยธรรมในโรงพยาบาลพร้อมจัดกิจกรรมต่างๆ

ท่านเป็นคนเสียสละด้วยการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี และด้วยความประพฤติที่ชอบด้วย คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณข้าราชการอันเป็นแบบอย่าง ผู้บริหารที่ดี ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับของข้าราชการ และสังคมจน ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคอาคารพิเศษ และอุปกรณ์มูลค่า 35 ล้านบาท นอกเหนือจากเงินบริจาคที่มีอย่างต่อเนื่อง

ด้านการบริหารการเงินการคลังท่านได้เฝ้าระวังโดยวิเคราะห์สถานะการเงินของโรงพยาบาลทุกเดือนตั้งแต่ปฏิบัติงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิชาการ (ตั้งแต่ปี 2523 - 2542) จนถึงในระยะ 10 ปี (ปี 2546 - 2556) ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลปัตตานี มีระบบการบริหารการเงินที่เหมาะสมทำให้ค่าตัวชี้วัดวิกฤติทางด้านการเงิน 7 ตัวผ่านเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง

วางแผนผังอาคารสิ่งแวดล้อมได้เหมาะสมในพื้นที่ของโรงพยาบาลที่มีจำกัดเพียง 25 ไร่เศษ สามารถบริการได้ครอบคลุมบริการทุกสาขาหลัก โดยขยายบริการสู่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) 2 แห่ง

ด้านการพัฒนาคุณภาพบริการมีความมุ่งมั่นส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนางานบริการตาม Service Plan สาขาและ พื้นที่พิเศษสามารถเข้าใจบริบทของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากประสบการณ์ทำงาน 13 ปี ตลอดระยะเวลาที่รับราชการ ทั้งๆ ที่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร

ด้านขวัญและกำลังใจโดยเพิ่มสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างชั่วคราว เช่น รางวัลลูกจ้างชั่วคราวดีเด่นทุก 6 เดือน เดือนละ 2 ครั้ง ครั้งละ ประมาณ 100 คน ยกย่องเชิดชูเกียรติแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น และมอบรางวัล "คนดีศรีโรงพยาบาลปัตตานี" ทุก 3 เดือน ครั้งละ 10 คน รวมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดตั้งชมรมจริยธรรมโรงพยาบาล รวมทั้งสนับสนุนดูแลสุขภาพเจ้าหน้าที่ด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 8 พ.ย.57 และวันที่ 15 พ.ย.57 ในคอลัมน์ : ทันโลกทันเหตุการณ์กับแพทยสภา