ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอสมศักดิ์ นายกแพทยสภาให้สัมภาษณ์สปริงนิวส์ ระบุจะใช้คำว่าวินิจฉัยผิดพลาด เป็นความผิดของ รพ.ไม่ได้ เหตุน้ำยาตรวจเอดส์มีความไวสูงมาก และมีโอกาสเกิดผลบวกปลอมได้ แต่ตามหลักหากตรวจครั้งแรกแล้วมีผลบวก และพบว่าไม่มีอาการอะไร ต้องมาตรวจซ้ำๆ หรือเปลี่ยน รพ.เพราะอาจใช้น้ำยาคนละชนิดกัน

ช่อง 19 ข่าวจริงสปริงนิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 58 ว่า กรณี เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายคนหนึ่ง โดยผู้เสียหายได้เข้ารับการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ ซึ่งได้รับการตรวจวินิจฉัยว่ามีเชื้อเอชไอวี (HIV) ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจเช่นนั้นมาตลอด 4 ปี กระทั่งผู้ป่วยสังเกตอาการตัวเองพบว่าสุขภาพร่างกายยังคงแข็งแรงอยู่ จึงตัดสินใจไปตรวจรอบ 2 กับแพทย์อีกท่านที่โรงพยาบาลเดิม กลับไม่พบเชื้อเอชไอวี เมื่อถามไปยังโรงพยาบาล กลับได้รับคำตอบจากแพทย์ว่า ร่างกายผู้ป่วยขับเชื้อออกไปเอง โดยเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

ทั้งนี้ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยกับทางสปริงนิวส์ว่า จะใช้ว่าวินิจฉัยผิดพลาด เป็นความผิดของโรงพยาบาลดังกล่าวนั้น ไม่ได้ เพราะน้ำยาตรวจเอดส์มันมีความไวสูงมาก ถ้าคนเป็นร้อยละ 99.9 ต้องตรวจเจอ และมันมีโอกาสเกิดผลบวกปลอมได้ เทียบประมาณ 1 ใน 1,000 หรือ 10,000 จึงต้องเช็คโดยวิธีอื่น ในการเจาะครั้งหนึ่ง แพทย์จะตรวจ 3 วิธี แต่ก็ยังมีโอากาสพลาดได้ ตามหลักการคือถ้าตรวจครั้งแรกมีผลเป็นบวก โดยพบว่าไม่มีตนเองอาการอะไร ต้องมาตรวจซ้ำอีก ถ้าเกิดมาตรวจซ้ำๆ แล้วให้ลองเปลี่ยนโรงพยาบาล เพราะน้ำยาที่ใช้ตรวจอาจเป็นคนละชนิดกัน เพราะในแง่ของเทคโนโลยีปัจจุบันยังก็ยังไม่ 100% แต่ถือว่าดีกว่าเมื่อสมัยก่อน

ซึ่งในปัจจุบัน หากรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ตัวยาสามารถทำให้เชื้อหายไปได้แม้อาจจะไม่หายจริง โดยเวลาตรวจเลือดแล้วจะไม่พบเชื้อ แต่หากหยุดยาไปเชื้อก็อาจกลับมาใหม่