ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมกำหนดทิศทางของประชาคมอาเซียน เน้นสร้างเข้มแข็งจากภายใน มีเอกภาพ พร้อมรับมือกับความท้าทาย แนะ รัฐบาลควรพิจารณาจัดสรรหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งไทยพร้อมจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้

เว็บไซต์รัฐบาลไทยรายงานว่า วันนี้ (21 พ.ย. 2558) เวลา 10.00 น. หลังจากพิธีเปิดการประชุม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ชาติ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 27 ณ Conference Hall 2 ชั้น 3 ศูนย์การประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

โดยนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนได้กล่าวเปิดการประชุม และเชิญให้นาย เล เลียง มิญ (H.E. Le Luong Minh) เลขาธิการอาเซียนกล่าวรายงานต่อที่ประชุม จากนั้น ผู้นำอาเซียนแต่ละชาติจะกล่าวถ้อยแถลงตามลำดับตัวอักษรซึ่งในส่วนของไทย พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญ ไว้ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และชื่นชมมาเลเซียต่อการทำหน้าที่ประธานอาเซียนได้อย่างดีเยี่ยมตลอดทั้งปี โดยการประชุมครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญของอาเซียน ซึ่งจะประกาศการจัดตั้งประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และยึดมั่นในกฎกติกา และมีการรับรองวิสัยทัศน์และแผนงานของประชาคมอาเซียนสำหรับ 10 ปีข้างหน้า

ภารกิจของเรา คือ การขับเคลื่อนอาเซียนไปข้างหน้าและดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่ตกลงกันไว้ ด้วยการสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความสามารถรับมือกับความท้าทายและมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก  โดยที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อเสนอสำคัญต่อที่ประชุม ดังนี้

ประการแรก การสร้างประชาคมอาเซียนที่มีความเข้มแข็งจากภายใน มีความเป็นเอกภาพ และไม่หวังพึ่งการสนับสนุนจากภายนอกเพียงอย่างเดียว ต้องเสริมสร้างให้อาเซียน ในฐานะตลาดและฐานการผลิตเดียวมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนและการส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบ1+1 จะช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของแต่ละประเทศที่มีชายแดนร่วมกัน เช่น แรงงานที่มีค่าแรงต่ำกว่าจากประเทศหนึ่ง และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการในอีกประเทศหนึ่ง รวมทั้ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างเครือข่ายการผลิต ตลาดรองรับสินค้าและสร้างรายได้และความเจริญไปยังพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ การพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกันในด้านกฎระเบียบ ลดมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าการลงทุน ส่งเสริมผู้ประกอบการในแต่ละสาขาที่ถนัด สร้างความเข้มแข็งให้ SMEs  ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าของภูมิภาค รวมทั้งลดช่องว่างด้านการพัฒนา นอกจากนี้ อาเซียนควรดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งขึ้น

ประการที่สอง การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในสาขาที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โดยเฉพาะระหว่างประเทศสมาชิกบนภาคพื้นทวีปและหมู่เกาะ อาเซียนจึงควรพิจารณาสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวในลักษณะแพคเกจของประเทศอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเลไว้ในแผนงานความเชื่อมโยงอาเซียน ค.ศ. 2025

ประการที่สาม อาเซียนจะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคการเกษตร เนื่องจากอาเซียนเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก เกษตรกรในประเทศยังคงยากจนซึ่งหากรัฐบาลไม่สนใจดูแลจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ อาเซียนจึงควรจัดทำแผนพัฒนาภาคการเกษตร ซึ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยและการพัฒนาเพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และส่งเสริมโภชนาการ นอกจากนี้ อาเซียนควรร่วมมือมากกว่าแข่งขันกันจนเกินไป  เพื่อมิให้มีการตัดราคาผลผลิตการเกษตรกันเอง รวมถึง การให้ข้อมูลและความรู้แก่เกษตรกรให้สามารถเข้าถึงตลาดทั้งในและนอกภูมิภาคจะช่วยให้กลไกตลาดดำเนินไปด้วยดีและป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางอาหาร

ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งจากภายในอาเซียน นอกจากนี้ เราต้องทำให้ประชาคมอาเซียนสามารถรับมือความท้าทายด้านมือในการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติ ฯลฯ อาเซียนต้องร่วมมือกันให้ใกล้ชิดและบูรณาการให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เช่น ปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ซึ่งเป็นอันตรายทั้งต่อสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจของอาเซียน ทำให้ต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเพื่อให้อาเซียนปลอดจากหมอกควันภายในปี 2563 โดยการจัดทำแผนงานอาเซียนปลอดจากหมอกควัน(ASEAN Haze-Free Roadmap) เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการอนุวัติการข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อควบคุมมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภูมิภาค ก่อให้เกิดภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงและความถี่ขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของมนุษย์และการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ฝนตกน้อยลง ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภคและการเกษตร เราจึงต้องปฏิบัติตามแถลงการณ์อาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ  ทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศ รวมทั้ง ต้องตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศน์ให้ยั่งยืน นอกจากนี้ จะต้องติดตามและประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากมาตรการเพื่อการปรับตัวและลดผลกระทบเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ความเชื่อมโยงในภูมิภาคพัฒนาไป อาเซียนจะต้องมีมาตรการรับมือกับผลกระทบทางลบจากความเชื่อมโยงและความท้าทายจากความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติ อาทิ การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด ลัทธิแนวคิดสุดโต่งรุนแรง การก่อการร้าย และภัยพิบัติ โดยอาเซียนควรใช้ประโยชน์จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอาเซียนและศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนอย่างเต็มที่ รวมทั้งเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ

การควบคุมโรคอุบัติใหม่และโรคระบาดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำให้ประชาคมของเราปลอดภัย จึงจำเป็นต้องเสริมสร้างความตระหนักและการเตรียมความพร้อมสำหรับการแพร่ระบาดของโรคเหล่านี้ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนและจุดผ่านแดน

นอกจากนี้ รัฐบาลควรพิจารณาจัดสรรหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งไทยพร้อมจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้

สุดท้ายประการสำคัญคือ การทำให้ประชาคมอาเซียน มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก โดยที่อาเซียนต้องเป็นประชาคมที่มองออกไปข้างนอก โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอว่า

หนึ่ง อาเซียนจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน มีความเป็นเอกภาพ ในการนี้ ไทยพร้อมที่จะดำเนินบทบาทนำร่วมกับประเทศอาเซียนอื่นๆ เพื่อรักษาความเป็นแกนกลางและความสมดุลในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ ความสำคัญในเชิงภูมิยุทธศาสตร์ของภูมิภาคได้ดึงดูดความสนใจของประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ  อย่างไรก็ดี อาเซียนควรเป็นผู้กำหนดโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องปฏิบัติตามแผนงานว่าด้วยการรักษาและส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียนที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ได้รับรองที่นครนิวยอร์กเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ เช่น การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก

โดยในโอกาสี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่มีการยกระดับความสัมพันธ์สหรัฐฯ และนิวซีแลนด์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของอาเซียน และหวังว่า ความร่วมมือระหว่างกันจะเพิ่มพูนและเกิดผลเป็นรูปธรรมกับทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ ในฐานะผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป  ไทยพร้อมทำหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรปไปสู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

สอง อาเซียนจะต้องมีท่าทีและเสียงเดียวกันในสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ และมีบทบาทที่สร้างสรรค์และแข็งขันในประเด็นระดับโลก อาทิ การสร้างความสอดคล้องระหว่างแผนงานประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 กับวาระด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ. 2030 การแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติที่ต้นตอ และการรับรองผู้สมัครของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ในฐานะประธานกลุ่ม 77 ไทยพร้อมทำหน้าที่เพื่อรักษาประโยชน์ของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงของอาเซียนอย่างเต็มกำลัง

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันการสนับสนุน สปป.ลาว อย่างเต็มที่ในการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าซึ่งเป็นปีที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าปีนี้ เพราะจะมีการรับรองเอกสารที่สำคัญอีกสองฉบับ คือ แผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่ 3 และแผนงานความเชื่อมโยงอาเซียน ค.ศ. 2025 ซึ่งจะสานต่อความพยายามของเราในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทำให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน