ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เผย “โครงการระบบเติมยาผู้ป่วยที่ร้านยาคุณภาพ” หลัง คณะเภสัชศาสตร์ มข. ร้านยาคุณภาพ/ร้านยามีเภสัชกรประจำ 20 แห่ง จับมือ สปสช.-รพ.ศูนย์ขอนแก่น นำร่อง 1 ปี ผลประชาชนพึงพอใจ ช่วยผู้ป่วยสิทธิ์บัตรทองภาวะโรคคงที่สะดวกรับยาใกล้บ้านตามใบสั่งแพทย์ ไม่เสียเวลา ไม่ต้องลางานรับยาที่ รพ. แถมติดตามกินยาอย่างต่อเนื่อง แนะนำใช้ยาอย่างเหมาะสม พร้อมพัฒนาร้านยาหนุนระบบปฐมภูมิ

รศ.ภญ.สุณี เลิศสินอุดม ผู้จัดการสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และประธานสาขาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงโครงการนำร่องระบบเติมยาผู้ป่วย โดยร้านยาคุณภาพและร้านยาที่มีเภสัชกรประจำว่า เป็นความร่วมมือระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร้านยาคุณภาพ/ร้านยาที่มีเภสัชกรประจำร้าน โรงพยาบาล (รพ.) ศูนย์ขอนแก่นและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 7 ขอนแก่น ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2557 เพื่อร่วมกันจัดทำระบบเติมยาระหว่าง รพ.ศูนย์ขอนแก่น ศูนย์การแพทย์ และร้านยาคุณภาพ/ร้านยาที่มีเภสัชกรประจำร้าน 20 แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนาระบบบริการ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยใน รพ.ลงได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการพัฒนางานบริการร้านยาให้มีบทบาทต่อระบบสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากร้านยานับเป็นบริการปฐมภูมิที่อยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุด กระจายตามชุมชน หากสามารถดึงเข้ามีส่วนร่วมจะช่วยเติมเต็มระบบสุขภาพของประเทศได้ 

รศ.ภญ.สุณี กล่าวว่า รูปแบบระบบการเติมยาจะเน้นเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะโรคคงที่แล้ว เหลือแต่เพียงการกินยาต่อเนื่องเท่านั้น โดยแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและสั่งจ่ายยา เบื้องต้นการส่งต่อผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาจะมี 2 ส่วน คือ รพ.ศูนย์ขอนแก่นส่งต่อร้านยาโดยตรง และศูนย์แพทย์เป็นผู้ส่งต่อผู้ป่วย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคหอบหืดในเด็ก โรคเบาหวานและความดัน ที่ต้องได้รับยาควบคุมอาการต่อเนื่อง โดยใบสั่งยาและยาผู้ป่วยจะถูกส่งมายังร้านยาเพื่อรอเบิกจ่ายให้กับผู้ป่วย ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ป่วยจะได้รับเอกสารที่บอกจุดตั้งร้านยาที่เข้าร่วมโครงการและชื่อเภสัชกรพร้อมเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อรับยาในครั้งต่อไป

ทั้งนี้รูปแบบดำเนินการ หลังจากแพทย์ทำการตรวจรักษาและสั่งจ่ายยา กรณีผู้ป่วยที่มีภาวะโรคคงที่แต่ต้องรับยาต่อเนื่อง 3 เดือน รพ.จะจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเพียง 1 เดือนก่อน และในเดือนถัดไปให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาร่วมโครงการแทน ซึ่งผลที่ได้ นอกจากเภสัชกรร้านยาจะให้คำแนะนำการใช้ยาที่เหมาะสมแล้ว ยังช่วยติดตามการกินต่อเนื่องยาของผู้ป่วย เพราะที่ผ่านมาในกรณีที่ผู้ป่วยรับยารวดเดียว 3 เดือน มักพบปัญหายาเหลือ ผู้ป่วยไม่กินยา และผู้ป่วยสับสนกับการกินยา ซึ่งระบบนี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ทำให้เกิดการใช้ยาที่เบิกจ่ายจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด      

“ภายหลังดำเนินโครงการนำร่องประมาณ 1 ปี ปรากฎว่าประชาชนต่างพึงพอใจต่อระบบการเติมยานี้มาก เพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยที่มีภาวะอาการคงที่แต่ต้องรับยาต้องเนื่อง ณ จุดใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปรับยาที่ รพ.ทุกเดือน แต่จะไปเฉพาะตามแพทย์นัดตรวจติดตามอาการ 3-6 เดือนเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่ทำงานก็ไม่ต้องลางาน เพราะสามารถรับยาที่ร้านยาหลังเลิกงานได้ ซึ่งการจ่ายยาของเภสัชกรที่ร้านยาจะเป็นไปตามใบสั่งยาของแพทย์โดยการเบิกจ่ายจาก รพ.” รศ.ภญ.สุณี กล่าว

รศ.ภญ.สุณี กล่าวว่า การดำเนินโครงการระบบเติมยายังเป็นเพียงแค่การนำร่อง ซึ่งหากทำเป็นระบบจริงต้องมีการพัฒนาเพื่อให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการร่วมด้านเภสัชกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต้องย้ำว่าไม่ใช่หน่วยบริการ่วมด้านการรักษา ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมต่อระบบเพื่อเติมเต็มการดูแลผู้ป่วยได้ พร้อมกับการพัฒนาร้านยาให้มีมาตรฐานเพื่อทำงานคุณภาพไปควบคู่ เพราะปัจจุบันเรามีบุคลากรด้านสุขภาพที่อยู่นอก รพ.จำนวนมากซึ่งสามารถดึงเข้ามาเพื่อทำประโยชน์ให้กับระบบสุขภาพของประเทศไทย

ด้าน นพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ความร่วมมือโครงการนำร่องระบบเติมยาที่ร้านยาซึ่งได้ทดลองดำเนินการที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น เป็นหนึ่งในนโยบายของ สปสช. เพื่อมุ่งพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพิ่มการเข้าถึงและสร้างความสะดวกในการรับบริการให้กับผู้ป่วย ซึ่งร้านยามีกระจายอยู่ทั่วประเทศประชาชนเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งที่ผ่านมาสภาเภสัชกรรมได้ดำเนินงานเพื่อพัฒนาร้านยาคุณภาพต่อเนื่อง ดังนั้นจึงน่าจะมีการส่งเสริมและพัฒนาร้านยาเพื่อช่วยสนับสนุนการบริการผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ต่อไป