ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.ชวน “หมออนามัย” ร่วมสร้างค่านิยม MOPH และนำไปปฏิบัติใช้จนเกิดเป็นธรรมเนียมองค์กร พร้อมร่วมปฏิรูประบบบริการปฐมภูมิเป็นทีมใน “คลินิกหมอครอบครัว” ให้คนไทยทุกคนได้รับการดูแลและมีที่ปรึกษาด้านสุขภาพ ด้วยบริการ “ทุกคน ทุกที่ ทุกอย่าง ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยี”

วันนี้ (29 สิงหาคม 2559) ที่ ศูนย์ประชุมนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย “ปฏิรูประบบสุขภาพไทย ประชารัฐร่วมใจชาวไทยสุขภาพดี” และพิธีรับโล่พระราชทานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/สาธารณสุขอำเภอดีเด่นประจำปี 2559 โดยมีผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน นักวิชาการสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกว่า 3,500 คน

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังพัฒนาให้ก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างเศรษฐกิจคุณค่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิรูปและพัฒนาระบบบริการสุขภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน” แผนพัฒนากิจกรรมด้านสุขภาพโดยเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องร่วมกันสร้างค่านิยม MOPH ประกอบด้วย 

Mastery: การเป็นนายแห่งตน ชนะความโลภ โกธร หลง เห็นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนส่วนตน 

Originality: สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้ประชาชน  

People Centered Approach: ทำหน้าที่ให้คำนึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง

Humility: เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขทุกคนต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เจ็บป่วย มีทุกข์ ตอบสนองดูแล ด้วยความ “เข้าใจ เข้าถึง พึ่งได้”

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย กระทรวงสาธารณสุขได้วางยุทธศาสตร์พัฒนาความเป็นเลิศใน 4 ด้าน ได้แก่ 

1.การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค (P&P Excellence) โดยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยทุกกลุ่มวัย การป้องกันโรคและภัยสุขภาพ ความปลอดภัยด้านอาหารและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม 

2.ระบบบริการ (Service Excellence) โดยการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ระบบบริการสุขภาพ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ/เขตเศรษฐกิจพิเศษ

3.การพัฒนาคน (People Excellence) โดยการวางแผนอัตรากำลังคน การผลิตและพัฒนากำลังคน พัฒนาประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการกำลังคน และพัฒนาเครือข่ายภาคประชาชนและภาคประชาสังคม  

4.ระบบบริหารจัดการ (Governance Excellence) พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศด้านสุขภาพ ระบบหลักประกันสุขภาพ สร้างความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ และระบบธรรมาภิบาล

“ขณะนี้ประเทศไทยมีสภาพปัญหาคือการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้ รวมทั้งค่าใช้ทางด้านสุขภาพที่สูงถึง 4 แสนล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อความยั่งยืนของระบบ ต้องบูรณาการระบบบริการสุขภาพทุกระดับ เพิ่มสัดส่วนงบประมาณด้านส่งเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะบริการปฐมภูมิ ที่อยู่ในการบริหารของเจ้าหน้าที่ระดับตำบล อำเภอ โดยการนำของสาธารณสุขอำเภอ หมออนามัย ทันตาภิบาล พยาบาล จะเป็นกำลังสำคัญร่วมปฏิรูประบบบริการปฐมภูมิ เป็นทีมใน “คลินิกหมอครอบครัว” เพื่อให้คนไทย 1 ล้านครอบครัว มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคอยดูแลภายในปี 2560 ด้วยบริการทุกคน ทุกที่ ทุกอย่าง ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยี” นพ.ปิยะสกล กล่าว