ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปัจจุบันกระแสผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากธรรมชาติมาแรงเหลือเกิน ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ ต่างหยิบยกเอาสมุนไพรต่างๆ มาประโคมข่าวประชาสัมพันธ์และส่งเสริมกันยกใหญ่ เพื่อหวังจะให้เป็นผลิตภัณฑ์ชูโรง การทำอย่างนี้จะว่าดีมันก็ดี จะว่าเสียมันก็เสีย ตามหลักของพระพุทธศาสนา อะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป ก็ย่อมไม่ดี หลักสำคัญทางศาสนาคือ หลักเหตุและผล ไม่ใช่ หลักความเชื่ออย่างงมงาย

ภก.รศ.ศุภชัย ติยวรนันท์

ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้สมุนไพรแต่ละครั้งจึงต้องอาศัยหลักของเหตุและผล จะอาศัยหลักเหตุและผลได้ผู้ส่งเสริมจึงต้องมีความรู้ด้านสมุนไพรอย่างแท้จริง และต้องเผยแพร่ความรู้เหล่านั้นสู่ผู้บริโภคได้อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย เพื่อผู้บริโภคจะได้ใช้ความรู้เหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการประเมินผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง

หลายต่อหลายครั้ง ที่การส่งเสริมสมุนไพรก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้เกิดโทษจากการใช้ จนนำมาซี่งความไม่ไว้ใจในการใช้สมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก และหากเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ การแพทย์ทางเลือกจะไม่ใช่ทางเลือกจริงๆ แต่จะกลายเป็น “การแพทย์ที่ไม่มีทางเลือก” นั่นก็คือ หมดหนทางบำบัดรักษาแล้ว จึงหันหน้าหาการแพทย์ระบบนี้เพราะไร้ทางเลือกแล้ว หรือเกินเยียวยาแล้ว ซึ่งโอกาสจะประสบความสำเร็จจากการบำบัดรักษาในคราวนี้ก็คงลดลงไปอย่างมากมาย

การส่งเสริมการใช้สมุนไพรจึงไม่ควรสงเสริมไปในเชิงธุรกิจและการพาณิชย์เสียแต่แรก แต่ต้องเริ่มจากการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้สมุนไพรเสียก่อน เนื่องจากการใช้สมุนไพรตามแนวทางการแพทย์แผนไทยของคนไทยนั้นได้ขาดช่วงไปค่อนข้างยาวนานตั้งแต่เมื่อราวปี พ.ศ.2456 เป็นต้นมา และในช่วงเวลาที่การแพทย์แผนไทยและการใช้สมุนไพรได้ลดความสำคัญลงในสังคมไทย การแพทย์แผนตะวันตกสมัยใหม่ก็เข้ามาแทนที่ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ความเชื่อมั่นด้านการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทยจะอิงอยู่ตามทฤษฎีการแพทย์สมัยใหม่อย่างตะวันตกไปเสียสิ้น อีกทั้งผู้ที่ผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรบางรายยังได้ทำการปลอมปนสารเคมีหรือยาแผนปัจจุบันบางชนิดลงไปในผลิตภัณฑ์เพื่อหวังผลการบำบัดที่รวดเร็วทันใจ บางกรณีก็ส่งผลร้ายต่อผู้ใช้ยาอย่างสูง การกระทำเหล่านี้เป็นการลดความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรเช่นกัน

การสร้างความเชื่อมั่นในการใช้สมุนไพร ต้องเริ่มจากการเลือกสมุนไพรหรือแนวทางการปฏิบัติตัวตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายและปฏิบัติหรือจัดหาสมุนไพรมาใช้ได้ไม่ลำบาก กับโรคง่ายๆ หรือกลุ่มอาการง่ายๆ และสามารถบำบัดทุเลาอาการต่างๆ นั้นไปได้หลังการใช้จริง และหากทำสำเร็จ ประชาชนก็สามารถป้องกันตัว หรือบำบัดอาการเบื้องต้นง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น การใช้ยาจีนในสังคมคนจีน ที่คนจีนเชื่อมั่นในยาจีน และใช้สืบกันมาอย่างยาวนาน เมื่อมีความเชื่อมั่นในยาและทฤษฎีแพทย์แล้ว ก็จะเกิดการใช้จริง

การใช้จริงในที่นี้ก็ควรเป็นการใช้ตามรูปแบบดั้งเดิมที่บรรพบุรุษเคยใช้กันมาก่อน เมื่อเกิดการใช้จริง ก็จะสามารถพัฒนางานวิจัยในเชิงต่างๆ ต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็น การวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบยาเตรียมหรือการวิจัยเพื่อศึกษาสารเคมีที่มีในสมุนไพรนั้นๆ เพื่อดูกลไกการออกฤทธิ์ หรือเพื่อพัฒนาโครงสร้างยาและเตรียมเป็นยาสมัยใหม่รูปแบบต่างๆ ต่อไป

เหตุที่กล่าวว่า ให้มั่นใจและใช้ยาตามที่บรรพบุรุษได้ใช้สืบต่อกันมาก่อนนั้น เพราะการดัดแปลงวิธีปรุงหรือรูปแบบยาโดยที่ยังไม่เข้าใจในตัวยาดั้งเดิมนั้น เมื่อดัดแปลงไปแล้วอาจทำให้เสียฤทธิ์ยา หรือยาใช้ได้ผลไม่ดีดังที่ควรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าไม่เคยรู้เลยว่าการใช้ยาตามแบบบรรพชนใช้มานั้นผลเป็นอย่างไร ก็จะไม่อาจเปรียบเทียบได้ว่ายาดัดแปลงนั้นดีหรือไม่ดี

ดังนั้นควรใช้อย่างเดิมจนมั่นใจในฤทธิ์ของยา จะได้รู้ว่าเมื่อจะดัดแปลงจะดัดแปลงอย่างไรไม่ให้เสียฤทธิ์ จึงจะพัฒนาต่อยอดไปได้อย่างมีทิศทางและถูกทาง

อย่างไรก็ดี การที่ตำรับยาจะมีฤทธิ์ดีหรือไม่นั้นต้องใช้วัตถุดิบที่ถูกต้องทั้งชนิดและปริมาณ และวัตถุดิบต้องมีคุณภาพที่ดี  ต้องปรุงให้ถูกวิธี และใช้ให้ถูกวิธี ในโอกาสต่อไปจะได้ให้อรรถาธิบายไปในแต่ละประเด็นและจะได้ยกตัวอย่างประกอบไปเป็นลำดับ

ผู้เขียน : ภก.รศ.ศุภชัย ติยวรนันท์ สาขาวิชาเภสัชเวทและพิษวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง