ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สสส. และเครือข่ายหมออนามัย ตรวจเยี่ยมโครงการ “3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน” เขตสุขภาพที่ 2 และ 3 เผยรวม พ.ร.บ. 2 ฉบับเป็นฉบับเดียว เพิ่มประสิทธิภาพและการบังคับใช้ใกล้สำเร็จ คาดผ่านความเห็นชอบจาก สนช.ประมาณมีนาคม 2560 และจะประกาศบังคับใช้ได้ประมาณ มิถุนายน 2560 ด้าน สบส. ย้ำ อสม.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เร่งจัดกิจกรรมรณรงค์ค้นหาผู้สูบบุหรี่และชวนเลิก ก่อนวัน อสม. แห่งชาติ  20 มีนาคม นี้

เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร คณะกรรมการคณะ 1 สสส. นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ลงตรวจเยี่ยมโครงการ “3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน” เขตสุขภาพที่ 2 และ 3 เพื่อสนับสนุนการทำงานรับฟังผลการดำเนินงาน ปัญหา และข้อเสนอแนะ และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่ เพื่อการขับเคลื่อนงานที่มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรมชักชวนและรณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่ จำนวน 3 ล้านคน ในระยะเวลา 3 ปี (2559-2561) 

โดยครั้งนี้คณะทำงานลงตรวจเยี่ยมเขตสุขภาพที่ 2 และ 3 ประกอบด้วยจังหวัดพิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย ตาก ส่วนเขตสุขภาพที่ 3 ประกอบด้วย จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร อุทัยธานี และชัยนาท ผู้เข้าร่วมประชุมจากผู้รับผิดชอบงานควบคุมยาสูบ ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ประธาน อสม.จังหวัด และคณะทำงานโครงการระดับจังหวัด รวมทั้งสิ้นรวม 10 จังหวัด จำนวน 40 คน ณ โรงแรมอมรินทร์ลากูน อ.เมือง จ.พิษณุโลก

นพ.สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การทำงานโครงการนี้เป็นความท้าทาย ยิ่งมีแรงหนุนจาก อสม.ทั่วประเทศ จะยิ่งเป็นพลังอันมหาศาล ตลอดจนกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลก็ได้มีการกำหนดแผน 20 ปี เป้าหมายคือให้ประชาชนมีอายุยืนยาวให้ได้มากถึง 84 ปี ซึ่งขณะนี้อายุเฉลี่ยคนไทยอยู่ที่ 74 ปี สาเหตก็มาจากการเกิดโรคที่ตายก่อนวัยอันควร โรคไม่ติดต่อเป็นส่วนใหญ่ จากปัจจัยเสี่ยง เช่น บุหรี่ ที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 5 หมื่นคน ส่งผลให้ชีวิตไม่ยืนยาว คุณภาพชีวิตลดลง

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ.2559 - 2562 ซึ่งมี  6  ยุทธศาสตร์ที่จะเป็นแรงหนุนให้โครงการดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ และการรวม พ.ร.บ. 2 ฉบับเป็นฉบับเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการบังคับใช้ คือ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กับ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 ขณะนี้อยู่ในการพิจรณาวาระที่ 2 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ คาดจะผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเดือนมีนาคม 2560 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ประมาณเดือนมิถุนายน 2560 นี้           

นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ได้กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ริเริ่มจากภาคีเครือข่ายไม่ใช่เป็นการสั่งการจากกระทรวงสาธารณสุข เป็นโครงการที่น่ายกย่อง กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตนเองเชื่อว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เพื่อเทิดไท้องค์ราชันในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แม้ว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตแล้วแต่โครงการนี้จะคงดำนินการอยู่ เพื่อเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ต่อไป ต้องเปลี่ยนความโศกศร้าให้เป็นพลังความดี  เพิ่มความพยายามมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ให้ประชาชนห่างไกลพิษภัยบุหรี่ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพนำไปสู่การเลิกสูบบุหรี่ในที่สุด

“ก่อนที่จะถึงวัน อสม.แห่งชาติ  20 มีนาคม 2560 นี้ ได้มอบนโยบายให้ประธาน อสม.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จัดกิจกรรมรณรงค์ค้นหาผู้ที่สูบบุหรี่และเชิญชวน ชักชวนให้เลิกสูบบุหรี่ โดยจะใช้เครื่องมือประเมินโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ซึ่ง อสม.มีเครื่องมือนี้อยู่แล้ว ไปตรวจสุขภาพประชาชน อายุ 40 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ป่วย โดยการตรวจสุขภาพจะช่วยกระตุ้นให้คนสูบบุหรี่ได้ตระหนักถึงโอกาสเสี่ยงต่อโรค และหากเลิกได้จะช่วยลดโอกาสเสี่ยง อสม. 1 คน ชวนคนเลิกบุหรี่ 1 คน ซึ่งทั่วประเทศ มี อสม. 1.4 ล้านคน ก็จะได้คนเลิกสูบบุหรี่เป็นล้านคนตามเป้าหมาย และ อสม.จะส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการแก่เครือข่าย เพื่อดำเนินการประสานติดตามต่อไป” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ขอเชิญชวนผู้สมัครใจเลิกบุหรี่ในโครงการ ฯ สามารถขอแบบฟอร์มและกรอกใบสมัครได้ที่ อสม./รพ.สต. และ รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ หรือที่เว็บไซต์ www.quitforking.com