ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

VOX.com เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 รายงานข่าวกรณีบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกากำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับบริการสุขภาพ ผู้นำแห่งซิลิกอนแวลลีย์ทั้งแอมะซอน แอปเปิล กูเกิล และอูเบอร์ต่างประกาศจะเข้ามาแทรกแซงบริการสุขภาพของสหรัฐซึ่งเรื้อรังด้วยปัญหาค่าใช้จ่ายและความด้อยประสิทธิภาพมาหลายสิบปี

แอมะซอนกำลังจับมือกับเจพีมอร์แกน เชส และวอร์เรน บัฟเฟต ขณะที่แอปเปิลกำลังวางแผนเปิดคลินิก ส่วนกูเกิลก็ใช้บริษัทลูกของตนเพื่อที่จะเข้ามามีบทบาทในโครงการเมดิคเอด และแน่นอนว่าอูเบอร์ย่อมมีเป้าหมายที่บริการรถพยาบาล

ยังอีกนานกว่าที่สังคมจะดำเนินไปถึงจุดที่บริษัทเทคโนโลยีเป็นผู้กุมบริการสุขภาพ ลองนึกภาพตามดูสิ...คุณสั่งยาด้วยบัญชีแอมะซอนไพรม์ ไปพบพยาบาลที่คลินิกแอปเปิล ได้รับใบแจ้งสวัสดิการรักษาพยาบาลจากกูเกิล และไปโรงพยาบาลด้วยอูเบอร์แทนที่จะเป็นรถพยาบาล

กระนั้นบางอย่างก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้ประกอบการหลายรายในสหรัฐเริ่มจับจ้องไปที่บริการสุขภาพซึ่งพร้อมพรั่งไปด้วยระบบบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ ราคาแพง และปัญหาความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ หรืออีกนัยหนึ่ง...นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ของภาคเอกชน

“แม้ว่าถึงที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วนัก แต่ก็เป็นแนวโน้มที่เริ่มมาแรง” บ็อบ ชูลซ์ กรรมการบริหารของสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ กล่าว “ผมคิดว่าผู้ประกอบการนอกธุรกิจการดูแลสุขภาพเริ่มมองเห็นแล้วว่าตลาดมีขนาดใหญ่และมีช่องว่างที่ตนสามารถเข้ามาพัฒนาให้ดีขึ้น”

เจาะแผนธุรกิจสุขภาพบริษัทเทคโนโลยี

แอมะซอน-เจพีมอร์แกน-เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์: การจับมือกันระหว่างยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสำหรับพนักงานของตนอาจถึงกับสั่นสะเทือนระบบสุขภาพของสหรัฐ ผู้ชำนาญการคาดว่าแอมะซอนอาจนำซอฟต์แวร์ของตนเข้ามาพัฒนาเทคโนโลยีการบริหารบริการสุขภาพ ก่อนที่จะแทรกตัวลงในภาคการกระจายบริการสุขภาพผ่านการจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์รวมถึงการขายยาออนไลน์ในระยะยาว จึงเป็นไปได้สูงที่แอมะซอนจะนำความชำนาญด้านธุรกิจบนโลกออนไลน์รุกเข้าสู่ทั้งภาคการบริหารบริการสุขภาพรวมถึงการกระจายอุปกรณ์การแพทย์และยา

แอปเปิล: เจ้าของโทรศัพท์ไอโฟนวางแผนเปิดคลินิก 2 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่ง “ให้บริการดูแลสุขภาพระดับโลก” คาดกันว่าแอปเปิลน่าจะมุ่งการบริการแบบองค์รวมด้วยบุคคลากรที่พร้อมสรรพ โดยเน้นไปที่การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อช่วยให้พนักงานมีสุขภาพแข็งแรงและลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล

บริษัทเวริลี (ส่วนหนึ่งของแอลฟาเบตซึ่งเป็นเจ้าของกูเกิล): แหล่งข่าวรายงานว่าเวริลีกำลังหาทางเจาะเข้าสู่การบริหารสวัสดิการรักษาพยาบาลด้วยการจับมือเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ให้ประกันสุขภาพในโครงการเมดิคเอด ซึ่งหากเวริลีสามารถบริหารการประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็จะเปิดช่องให้บริษัทสามารถทำกำไรจากวงเงินประกันที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

อูเบอร์: อูเบอร์กำลังเดินหน้าไปกับอูเบอร์-เฮลธ์ ซึ่งเปิดทางให้ผู้ให้บริการสุขภาพสามารถจองบริการรถรับส่งสำหรับผู้ป่วยทั้งขาไปและขากลับ โดยมีรายงานว่า “อูเบอร์วางตำแหน่งตนเองเป็นทางเลือกที่ราคาถูกกว่าแต่เชื่อใจได้มากกว่าบริการรถฉุกเฉิน” อันเป็นตลาดที่มีวงเงินสะพัดกว่าปีละ 3,000 ล้านดอลาร์

ดูเหมือนว่าบริษัทที่ยกมาไม่ได้แข่งขันกันโดยตรง บางบริษัทเน้นไปที่การช่วยเหลือพนักงานของตนในลักษณะบริการสุขภาพที่ดีกว่าและการเปิดคลินิกของตนเอง บางบริษัทกำลังเริ่มต้นด้วยการจับมือกับบริษัทผู้ให้ประกันสุขภาพ ขณะที่บางบริษัทก็เปิดหน้าแข่งขันสุดตัวกับผู้ให้บริการรายใหญ่ในตลาดสุขภาพ

หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าการเปิดธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีนั้นครอบคลุมบริการสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ และตั้งแต่การให้ประกันสุขภาพไปจนถึงการกระจายบริการและแม้กระทั่งการขนส่ง โดยต่างชูจุดขายด้านราคาที่ต่ำกว่าผ่านระบบการให้บริการที่ดีกว่า การส่งเสริมสุขภาพที่ดีกว่า หรือกระทั่งการแข่งขันด้านราคาโดยตรง

การแทรกแซงตลาดสุขภาพของสหรัฐไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

บริษัทเทคโนโลยีที่กล่าวมาล้วนมีผลงานด้านการปฏิวัติตัวธุรกิจ แอมะซอนเป็นผู้นำความสะดวกและราคาที่โปร่งใสมาสู่ตลาดค้าปลีก ขณะที่อูเบอร์พลิกโฉมรูปแบบการให้บริการด้านการขนส่ง อย่างไรก็ดียังคงมีคำถามว่า “บริการสุขภาพนั้นเหมือนกับธุรกิจอื่นหรือไม่” บริการสุขภาพซึ่งมีมูลค่าราว 1 ใน 6 ของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ภายใต้ระบบบริหารที่ซ้ำซ้อนและมีผู้ให้บริการหลายราย และคงเป็นดังที่ชูลซ์ชี้ว่า “การแทรกแซงตลาดค้าปลีกนั้นง่ายกว่าการแทรกแซงธุรกิจสุขภาพแน่นอน” เพราะตลาดบริการสุขภาพนั้นทั้งซับซ้อนและใหญ่โต อีกทั้งให้บริการเจ้าเดิมก็คงไม่ยืนรอให้ซิลิกอนแวลลีย์รุกเข้ามาโดยไม่ตอบโต้

“บริการสุขภาพมีโครงสร้างที่ป้องกันการแทรกแซงจากภายนอกครับ” แลรี เลวิตต์ จากมูลนิธิไกเซอร์แฟมิลีเผย “บริการสุขภาพอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างรัดกุมโดยมีปฏิสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างผู้ให้ประกัน ผู้บริโภค และผู้ให้บริการซึ่งไม่พบในภาคธุรกิจอื่น”

ความสำเร็จและความทะเยอทะยานที่จะรุกเข้ามาปฏิวัติระบบการบริการสุขภาพของสหรัฐจะเป็นก้าวสำคัญที่ต้องจับตาในอีกไม่กี่ปีนับจากนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้เล่นหน้าใหม่จากซิลิกอนแวลลีย์จะสามารถประสบความสำเร็จกับธุรกิจการบริการสุขภาพดังธุรกิจอื่นที่ผ่านมา นอกจากนี้โอกาสทำกำไรในธุรกิจบริการสุขภาพก็เป็นที่รู้กันดีถึงความยากเข็ญภายใต้ระเบียบกฎหมายที่ควบคุมไว้อย่างเคร่งครัดและท่ามกลางภาวะบีบคั้นทั้งด้านต้นทุน ราคา และการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย

“ความคิดที่ว่า ‘ธุรกิจสุขภาพยังมีช่องว่างและเราก็มีเงินทุนมหาศาล’ ไม่ใช่แผนธุรกิจที่ดีนะครับ” เลมอร์ ดาฟนี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผย

แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตลาดบริการสุขภาพของสหรัฐในขณะนี้จะปลอดภัยจากผู้รุกราน ดังที่มีความเป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลอาจเปลี่ยนทิศทางไปสู่การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอันเป็นเป้าหมายสำคัญของแอปเปิลและแอมะซอน

“แอปเปิล กูเกิล และแอมะซอนกำลังพยายามลดค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพสำหรับพนักงานของตนโดยสนับสนุนให้พนักงานใช้บริการคลินิกผู้ป่วยนอกหรือโครงการส่งเสริมสุขภาวะที่ตนเป็นเจ้าของหรือบริหาร ซึ่งในทางทฤษฎีจะนำไปสู่การลดต้นทุนในที่สุด” โจ มิเลนฮอเซน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการด้านการลงทุนของมูดีส์เผย “แนวคิดนี้สอดคล้องกับผู้ให้ประกันสุขภาพรายใหญ่บางรายซึ่งใช้วิธีเหมาบริการจากกลุ่มแพทย์เพื่อที่จะควบคุมเบี้ยประกันและรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกันที่ราคาหุ้นของบริษัทกระจายยาและผู้ให้ประกันสุขภาพดิ่งลงเมื่อข่าวของแอมะซอนเป็นกระแสขึ้นมา เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วอาจนำธุรกิจบริการสุขภาพไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ธุรกิจสุขภาพนั้นล้าหลังในเรื่องเทคโนโลยีด้านข้อมูลข่าวสารและผู้บริโภคซึ่งทำให้มีช่องว่างที่จะเข้ามาทำตลาด อีกทั้งธุรกิจการดูแลสุขภาพก็ยังมีเงินสะพัดมากมายมหาศาล” เลวิตต์ให้ความเห็น “ความก้าวหน้าที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ทั้งระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารแบบสวมใส่ล้วนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือโอกาสทางธุรกิจนั่นเอง”

ยังคงเร็วเกินไปว่าการปฏิวัติจากซิลิกอนแวลลีย์จะมาถึงเมื่อใด และเป็นได้ว่าอาจมาไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำ ดังที่กูเกิลและไมโครซอฟต์หารือเรื่องการเจาะตลาดบริการสุขภาพกันมานานแล้วแต่ก็ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหนเสียที นอกจากนี้แผนธุรกิจบางส่วนก็ยังดูเหมือนเป็นเพียงทฤษฎีที่ยังไม่อาจแปรสู่แผนปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

แต่ถึงอย่างนั้นก็คุ้มค่าที่เราจะจับตามอง เพราะหากตั้งคำถามว่าธุรกิจใดกันที่หิวโหยการพัฒนาอย่างยิ่ง... คำตอบย่อมหนีไม่พ้นธุรกิจบริการสุขภาพของสหรัฐ

แปลจาก www.vox.com เรื่อง Why Apple, Amazon, and Google are making big health care moves โดย Dylan Scott

เรื่องที่เกี่ยวข้อง