ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนหนุ่ม-สาวนิยมเทรนด์หน้าเรียวเล็ก ด้วยเทคนิค “ร้อยไหม” ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน และรับบริการจากแพทย์ในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ห้ามทำที่ร้านเสริมสวย มิฉะนั้นจากหน้าเรียวอาจจะเปลี่ยนเป็นเบี้ยวได้ ชี้ใครๆก็สวย-หล่อได้เพียงใส่ใจสุขภาพ โดยไม่ต้องศัลยกรรม

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน ประชาชนต่างให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพทั้งรูปร่าง หน้าตา เผ้าผม โดยเฉพาะค่านิยมในการเสริมความงามให้มีใบหน้าเรียวเล็กตามเทรนด์ของหนุ่ม-สาวเกาหลี ซึ่งหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมและมีการนำมาใช้ปรับรูปหน้าอยู่บ่อยครั้ง คือ เทคนิคการ “ร้อยไหม” โดยการใช้ไหมละลายมาร้อยเป็นเครือข่ายบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า แม้ว่าเทคนิคการร้อยไหมจะไม่ต้องดมยาเพื่อผ่าตัดใหญ่ แต่ก็ต้องกระทำในสถานพยาบาล ห้ามร้านเสริมสวย หรือสถานบริการเสริมความงามประเภทอื่นๆให้บริการโดยเด็ดขาด เพราะผู้ให้บริการมิใช่แพทย์ที่มีความชำนาญก็อาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ร่างกาย จนถึงขั้นเกิดความพิการต่อตัวผู้รับบริการ อาทิ ปากเบี้ยว, หน้าไม่สมมาตร, เกิดแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์, ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อเป็นหนอง จากขั้นตอนการให้บริการที่ไม่สะอาด หรือตาบอดถาวรได้

รวมทั้ง การร้อยไหมยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ที่แน่ชัดถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในระยะยาว จึงขอให้ผู้รับบริการทุกคนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ศึกษาถึงผลที่ได้รับและผลกระทบที่อาจจะเกิดก่อนรับบริการเสริมความงามด้วยเทคนิคดังกล่าว

ประการสำคัญ การเสริมความงามด้วยเทคนิคทางการแพทย์ประเภทใดก็ตาม ต้องเลือกรับบริการจากแพทย์และสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยอย่างไรก็ดี ทุกคนต่างมีความสวย-หล่ออยู่กับตัว แค่เพียงหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มสุรา-สูบบุหรี่ และทำจิตใจให้แจ่มใสเพียงเท่านี้ ก็จะช่วยผลัดกันให้เกิดความสวย-หล่อทั้งภายนอกและภายในได้โดยไม่ต้องอาศัยการศัลยกรรม หรือเทคนิคเสริมความงามแต่อย่างใด

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) กล่าวว่า หากร้านเสริมสวยหรือสถานบริการเสริมความงามให้บริการร้อยไหมโดยพลการจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานเปิดคลินิกเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ให้บริการ หากมิใช่แพทย์ จะถือว่าความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานเป็นหมอเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลว่าขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ได้ที่เว็บไซต์ สพรศ. ส่วนรายชื่อแพทย์สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา หากเป็นการศัลยกรรมเสริมความงาม ควรตรวจสอบว่าแพทย์รายดังกล่าวเป็นศัลยแพทย์ที่ความเชี่ยวชาญในด้านการศัลยกรรมเสริมความงามโดยตรง ผ่านทางเว็บไซต์สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย