ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จับมือกรมราชทัณฑ์ ลงนามข้อตกลงรับรอง “สถานพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง” ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดูแลผู้ต้องขังเข้าถึงสิทธิ ได้รับการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขที่จำเป็น

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 ที่กรมราชทัณฑ์ – กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมลงนามข้อตกลงการให้บริการสาธารณสุขตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 โดยมี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ลงนามข้อตกลงดังกล่าว

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้เล็งเห็นความสำคัญในการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ร่วมถึงการรักษาที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ ดังนั้นในส่วนของสถานพยาบาลเรือนจำบางขวางจึงได้มีการพัฒนาศักยภาพและยกระดับจากหน่วยบริการปฐมภูมิ เป็นหน่วยบริการประจำและรับส่งต่อในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ผู้ต้องเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ตามมาตรา 44 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ กําหนดให้ สปสช.จัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการเพื่อให้บุคคลลงทะเบียนเลือกเป็นหน่วยบริการประจํา และเพื่อพัฒนาระบบบริการ เพิ่มการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพสําหรับผู้ต้องขังตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เรื่องการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญและเป็นไปตามยุทธศาสตร์การดําเนินงานของ สปสช.ปี 2560-2564

โดย สปสช.เขต 4 สระบุรี ได้ร่วมหารือกับสถานพยาบาลเรือนจํากลางบางขวางเพื่อเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยแสดงเจตจํานงขอเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561

ต่อมาคณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ สปสช.เขต 4 สระบุรีได้ตรวจประเมินศักยภาพและหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการประเภทปฐมภูมิประจําและรับส่งต่อทั่วไป โดยมีศักยภาพในการจัดบริการสาธารณสุข และอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 4 สระบุรี ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจําปฐมภูมิและหน่วยรับส่งต่อประจําปี 2562 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2561

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า โดยให้บริการผู้ต้องขังครอบคลุมทั้งการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพ สร้างเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การฟื้นฟูสภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ รวมถึงการจัดบริการส่งต่อและรับกลับเพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง การให้บริการกรณีอุบัติเหตุหรือ ฉุกเฉิน ทั้งในเวลาทําการและนอกเวลาทําการ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งนี้ สปสช. กับ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของหน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวาง ได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการให้บริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อความร่วมมือกัน ในการบริหารจัดการระบบบริการสาธารณสุขให้ผู้ต้องขังสามารถ เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจํานวนผู้ต้องขังอยู่ประมาณ 6,020 คน และผู้ต้องขังสามารถเลือกลงทะเบียนกับหน่วยบริการเรือนจํากลางบางขวางได้ จะส่งผลให้ผู้ต้องขังในเรือนจํามีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ถูกริดรอนสิทธิมนุษยชน ได้รับบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ สะดวกต่อการรับและให้บริการ ตลอดจนลดภาระของเจ้าหน้าที่ควบคุม ขณะเดียวกันสถานพยาบาลในเรือนจําเมื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิประจําและหน่วยรับส่งต่อ จะได้รับงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว และงบจ่ายตามผลงาน เป็นการหนุนเสริมให้หน่วยบริการ สามารถจัดบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น