ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ห่วงใยความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ในการส่งต่อผู้ป่วยด้วยรถพยาบาล สั่งการเข้มให้ควบคุมระบบความปลอดภัยของรถพยาบาลให้ได้มาตรฐานตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข ลดความสูญเสียหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม VDO Conference เพื่อเตรียมความพร้อมของสถานบริการในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 พร้อมมีข้อสั่งการมาตรการความปลอดภัยรถพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่ต้องใช้รถพยาบาลในการส่งต่อเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีข้อสั่งการ ให้หน่วยบริการทุกแห่งดำเนินการดังนี้

1.ให้มีการตรวจสอบสภาพรถพยาบาลทุกประเภทพร้อมใช้งาน มีความปลอดภัยและมีการบำรุงรักษาสม่ำเสมอ มีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS ที่ได้มาตรฐานของกรมการขนส่ง และติดตั้งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพด้านหน้าและบริเวณคนขับ รวมถึงรถพยาบาลทุกคันต้องมีเข็มขัดนิรภัยที่ได้มาตรฐาน ทุกที่นั่ง

2.การปฏิบัติของพนักงานขับรถพยาบาล ต้องจำกัดความเร็วของรถไม่เกิน 80 กม./ชั่วโมง พนักงานขับรถต้องผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุข และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

3.มาตรการด้านการพยาบาลในขณะนำส่งผู้ป่วย ในรถต้องมีผู้โดยสารรวมพนักงานขับทั้งหมดไม่เกิน 7 คน และทุกคนในรถพยาบาลต้องคาดเข็มขัดนิรภัย และห้ามทำหัตถการขณะรถเคลื่อนที่

4.มาตรการด้านความคุ้มครอง รถพยาบาลทุกคันต้องทำการประกันชั้น 1 ภาคสมัครใจ ครอบคลุมผู้โดยสารทุกคน โดยมีวงเงินเอาประกันภัยหากเสียชีวิตหรือทุพลภาพถาวรคนละ 1 ล้านบาท

5.ให้มีระบบการรายงานกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินให้สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการสอบสวนสาเหตุปัญหาพร้อมเสนอแนวทางป้องกัน และส่งผลไปยังต้นสังกัดรถพยาบาลและกองสาธารณสุขฉุกเฉิน หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเข้ามารายงานในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวง ณ กระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยบริการทุกแห่งดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด มีการปรับปรุงแก้ไขการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยภายในรถพยาบาลให้แล้วเสร็จภายใน 31 มกราคม 2562 และถ้าหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จนทำให้มีความบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินการทางวินัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดความสูญเสียของผู้โดยสารหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน