ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รปช.แนะทุกพรรคการเมืองต้องสนับสนุนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เปิดนโยบายสุขภาพ “ป้องกันเป็นหลัก รักษาเป็นรอง” เอาจริงเรื่องอาหารปลอดภัย ใช้ “ตำบล-ชุมชน” เป็นฐานดูแลประชาชน จ่อจ้างพยาบาลชุมชน-เพิ่มศักยภาพ อสม.พร้อมค่าตอบแทน

ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี

ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวในเวทีเสวนามองไปข้างหน้า “พรรคการเมือง กับการสร้างหลักประกันสุขภาพเพื่อคนไทยทุกคน” ซึ่งอยู่ภายใต้งานรำลึก 11 ปี นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิมิตรภาพบำบัด เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2562 ตอนหนึ่งว่า ผลจากการเดินคารวะแผ่นดิน 50 จังหวัดที่ผ่านมาพบปัญหามากมาย หนึ่งในนั้นคือปัญหาสุขภาพที่สัมพันธ์กับหลายเรื่อง เช่น คนป่วยจากอาหารที่ไม่ปลอดภัย คนเป็นมะเร็งจากสารก่อมะเร็งต่างๆ ดังนั้นปัญหาสุขภาพจึงเปรียบได้กับห่วงโซ่ในสายโซ่ชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ

ทพ.ศุภผล กล่าวว่า ถ้าต้องการแก้ไขปัญหาสุขภาพก็ต้องแก้ปัญหาในเรื่องอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น เรื่องอาหารปลอดภัย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค รปช. ซึ่งจากการพูดคุยกับคนในแวดวงสุขภาพหลากหลาย รปช. เห็นว่าแนวคิดการทำเรื่องสุขภาพนั้น หลักประกันสุขภาพเป็นเพียงส่วนหนึ่งในเรื่องระบบสุขภาพ แต่เป็นส่วนสำคัญ เพราะเป็นการปฏิวัติระบบสาธารณสุขของคนไทย ดังนั้นการทำหลักประกันสุขภาพสำหรับคนไทยเป็นเรื่องที่ดีมาก จึงต้องยกเว้นการพูดเรื่องการเมืองกับระบบหลักประกันสุขภาพแล้ว และวันนี้ทุกพรรคการเมืองจะต้องส่งเสริม

ทพ.ศุภผล กล่าวว่า ในเรื่องหลักประกันสุขภาพนั้น มีอยู่ 3-4 เรื่องที่ต้องคิดเพิ่มเติม เช่น เรื่องการสร้างนำซ่อม หรือเรื่องป้องกันเป็นหลัก รักษาเป็นรอง คำๆ นี้สำคัญมาก และมีการพูดถึงอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เพียงกองทุนเดียว ส่วนระบบสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคมกลับไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้

“ตลอด 15-16 ปีที่ผ่านมา งานส่งเสริมป้องกันฯ ไม่ถูกทำให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นจริงเป็นจัง ผมคิดว่าเรื่องสำคัญในนโยบายสุขภาพของพรรครวมพลังประชาชาติไทยคือจำเป็นต้องทำให้หลักการข้อนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงให้ได้ นั่นก็คือป้องกันเป็นหลักรักษาเป็นรอง” ทพ.ศุภผล กล่าว

ทพ.ศุภผล กล่าวต่อว่า ต้องทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมและป้องกันโรคมีศักยภาพมากขึ้น และต้องทำให้ชุมชน ประชาชน ตลอดจนเขตสุขภาพ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและประเมินในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน รปช.ยังคิดถึง “ตำบล-หมู่บ้าน” เป็นศูนย์กลางในการทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี หัวใจอยู่ตรงนั้น

“เรามีเครื่องมือสำคัญคือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. เป็นเป้าหมายในการดำเนินการ เท่านั้นยังไม่พอเนื่องจากเราพบปัญหาความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เราคิดว่าเราต้องยกระดับการรักษาปฐมภูมิ และพัฒนาระบบการเงินการคลังเพื่อให้เพียงพอด้วย” ทพ.ศุภผล กล่าว

ทพ.ศุภผล กล่าวอีกว่า ทุกวันนี่ระบบได้พัฒนาอย่างเข้มแข็งและมั่นคงแล้ว หากแต่ยังไม่ครบวงจร เพราะยังไม่มีการลงทุนทางการแพทย์และพยาบาล ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการลงทุนด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากได้ร่วมรัฐบาลก็คิดว่าควรมีการจ้างพยาบาลชุมชนอย่างน้อย 1 หมื่นคน จ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพิ่มศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และค่าตอบแทน บรรจุแพทย์จบใหม่ใน รพ.สต.ทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับแพทย์แผนไทย พร้อมกับการยกระดับโรงพยาบาลชุมชน 200 แห่งทั่วประเทศ

ทพ.ศุภผล กล่าวว่า แนวทางทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จะนำไปสู่เป้าหมายและยุทธศาสตร์ซึ่งตรงกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นั่นก็คือ CSG อันได้แก่ C-Corporate S- Safe financing system และ G-Good governance โดย 3 ประการนี้อยู่ในทุกนโยบายของพรรค รปช.ทั้งสิ้น