ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปัญหาพนักงานถึงวัยเกษียณที่สมทบเข้ากับสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในสหรัฐฯ ทำให้องค์การด้านสุขภาพพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรั้งพนักงานอายุมากไว้ ทั้งด้วยการเสนอตารางงานล่วงเวลา โครงการยืดระยะเกษียณอายุสำหรับแพทย์ รวมถึงแผนการทำงานแบบยืดหยุ่น โดยเน้นไปที่แพทย์และพยาบาลมากประสบการณ์ รวมถึงพนักงานธุรการและบริการซึ่งประสงค์จะทำงานต่อไปแม้ไม่ใช่งานเต็มเวลา

สำนักข่าวต่างประเทศฟอร์บส์ (Forbs) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 เผยแพร่บทความเรื่อง “How Health Care Employers Are Welcoming Older Workers” ระบุว่า

พญ.เพนนี วีลเลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเครือข่ายสุขภาพอะลินาเฮลธ์ (Allina Health) ในเมืองมิเนอาโปลิสของสหรัฐอเมริกาแถลงต่อพนักงาน 29,000 คนโดยเฉพาะพนักงานอายุตั้งแต่ 50 ปีซึ่งมีสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมด โดยเรียกร้องพนักงานอยู่กับองค์กรในระยะยาว

ปัญหาพนักงานถึงวัยเกษียณที่สมทบเข้ากับสถานการณ์ขาดแคลนแรงงาน ทำให้อะลินาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรั้งพนักงานอายุมากไว้ ทั้งด้วยการเสนอตารางงานล่วงเวลา โครงการยืดระยะเกษียณอายุสำหรับแพทย์ รวมถึงแผนการทำงานแบบยืดหยุ่น โดยเน้นไปที่แพทย์และพยาบาลมากประสบการณ์ รวมถึงพนักงานธุรการและบริการซึ่งประสงค์จะทำงานต่อไปแม้ไม่ใช่งานเต็มเวลา

องค์กรสุขภาพและพนักงานสูงอายุ

สถานการณ์ของอะลินาก็เป็นเช่นเดียวกับองค์กรสุขภาพทั่วสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ ปัญหาขาดแคลนพนักงานในทุกระดับชั้นทำให้ธุรกิจการดูแลสุขภาพพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะจ้างและรั้งตัวพนักงานสูงอายุเอาไว้ ความพยายามรั้งตัวคนเก่งและดึงดูดพนักงานใหม่ทำให้โรงพยาบาลและคลินิกผู้ป่วยนอกเสนอตารางการทำงานที่หลากหลาย รวมถึงการทำงานนอกเวลาและทำงานจากที่บ้าน ขณะที่บางแห่งใช้วิธีจ้างบุคลากรวัยเกษียณในฐานะพนักงานชั่วคราว

พญ.วีลเลอร์ ยอมรับตามตรงว่า “เราจำเป็นต้องโอนอ่อนตามสถานการณ์ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วบุคลากรที่เพียบพร้อมทั้งความสามารถและประสบการณ์ ก็จะไปทำงานกับที่อื่นหรือไม่ก็เกษียณไปอย่างน่าเสียดาย”

อย่างไรก็ดีนโยบายอ้าแขนรับพนักงานสูงอายุนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องแปลกในตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกา

ภาคธุรกิจอื่นจะเดินตามรอยธุรกิจดูแลสุขภาพหรือไม่

“อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพนับเป็นผู้นำในการดึงดูดแรงงานอายุมาก เพราะธุรกิจนี้จำเป็นต้องอาศัยทักษะของพนักงาน” รูธ ฟิงเคลสไตน์ ผู้อำนวยการบริการของศูนย์บรูเดลสำหรับผู้สูงอายุที่วิทยาลัยฮันเตอร์เผย

“ธุรกิจอื่นอาจไม่ปรับตามโมเดลของธุรกิจดูแลสุขภาพ จนกว่าจะเจอปัญหาขาดแคลนแรงงานเข้ากับตัวเอง อย่างไรก็ดีภาพของพนักงานสูงวัยในธุรกิจดูแลสุขภาพก็พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งในทางหนึ่งก็ทำให้มองได้ว่าการจ้างพนักงานอายุมากเป็นเรื่องธรรมดา”

อายุขัยที่ยาวนานขึ้นทำให้ชาวอเมริกันเริ่มคิดถึงการทำงานต่อหลังวัยเกษียณไม่ว่าจะด้วยความรักในงาน จำเป็นต้องหารายได้เลี้ยงชีพ หรือทั้งสองอย่าง โดยสำนักงานสถิติแรงงานแห่งสหรัฐอเมริกาประเมินว่าจะมีประชากรในช่วงอายุ 55-64 ปีราวร้อยละ 67 ของและประชากรในช่วงอายุ 65-74 ปีราวร้อยละ 30 ของที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานเต็มเวลาหรือล่วงเวลาภายในปี 2569

ปรับแผนเกษียณอายุเพื่อเปิดทางสู่การทำงานล่วงเวลา

ระบบสุขภาพบอน เซคูส์เวอร์จิเนีย (Bon Secours Virginia Health System) ในรัฐแวนคูเวอร์ของสหรัฐอเมริกาก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างขององค์กรสุขภาพที่ปรับนโยบายจ้างงานสำหรับแรงงานอายุมาก โดยเปลี่ยนการพิจารณาประโยชน์ที่ได้เมื่อเกษียณอายุซึ่งเดิมคำนวณจากรายได้ในช่วง 5 ปีสุดท้ายของการทำงานมาเป็นคำนวณจากปีที่มีรายได้สูงสุด 5 ปีสุดท้าย นอกจากนี้พนักงานวัยเกษียณที่ทำงานเต็มเวลาสามารถสลับตารางงานระหว่าง 16 และ 24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยที่ยังคงได้รับสวัสดิการสุขภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพนักงานที่อายุไม่ถึง 65 ปี และมีคุณสมบัติตรงตามสวัสดิการ Medicare

จิม กูดวิน รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบอน เซคูส์ เผยว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายและผลประโยชน์ดังกล่าวได้กลายไป “ชุดความคิดใหม่สำหรับทลายกำแพงความคิด” ต่อการทำงานและคนทำงาน โดยชี้ว่าพนักงานของบอน เซคูส์ราว 14,000 คนซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18-93 ปีสามารถเข้าถึงตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น และพนักงานจำนวนมากเข้าร่วมในโปรแกรมพี่เลี้ยงซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานต่างวัยและประสบการณ์ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน

ตารางงานทางเลือกและลดภาระงาน

สคริปส์เฮลธ์ (Scripps Health) ในเมืองซานดิเอโก อนุญาตให้พนักงานทุกกลุ่มอายุสามารถปรับตารางงานตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังเสนอแผนลดภาระงานสำหรับพนักงานที่ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 10 ปีเพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้สามารถทำงานแบบล่วงเวลาโดยที่ยังคงได้ผลประโยชน์แบบพนักงานประจำ โดยประเมินว่าสคริปส์มีพนักงานอายุเกิน 50 ปีราวร้อยละ 33 จากพนักงานทั้งหมดราว 15,000 คน

“โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อรั้งตัวบุคลากรมากประสบการณ์” โฆษกเผย “ซึ่งช่วยให้สคริปส์เฮลธ์สามารถส่งต่อความรู้จากบุคลากรรุ่นเก๋าไปสู่บุคลากรรุ่นใหม่เมื่อถึงเวลาผลัดใบ”

พญ.วีลเลอร์ ยอมรับว่าการบริการที่ทำงานภายใต้นโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นเรื่องท้าทายและบางครั้งก็ต้องยอมแลก โดยชี้ว่าการจ้างพนักงานล่วงเวลาโดยให้ผลประโยชน์เต็มที่ทำให้องค์กรมีต้นทุนสูงขึ้น ขณะเดียวกันซูเปอร์ไวเซอร์ก็ต้องมีภาระงานซับซ้อนมากขึ้นจากการที่ต้องตรวจสอบการทำงานภายใต้ตารางเวลาที่หลากหลาย

ประโยชน์ของการรั้งตัวพนักงานสูงวัย

อีกด้านหนึ่งการรั้งตัวพนักงานมากประสบการณ์ทำให้อะลินามีบุคลากรสำหรับฝึกฝนพนักงานที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการผลัดเปลี่ยนพนักงานซึ่งอยู่ในระดับที่สูงลิ่ว

“เราได้ภูมิปัญญาที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ปีแล้วปีเล่า” พญ.วีลเลอร์เผย “พี่เลี้ยงยังคงจำเป็นเสมอ และพนักงานที่มีชั่วโมงบินสูงก็เป็นคลังข้อมูลชั้นดีไม่ว่าจะเป็นสายงานด้านไอที ทรัพยากรบุคคล ห้องปฏิบัติการ หรือห้องผ่าตัด”

นพ.เบน บาเช-วิก วัย 61 ปีของอะลินากำลังหาทางผ่อนตารางงานลงจาก 60 ชั่วโมงสัปดาห์โดยที่ยังคงทำงานที่รักต่อไป โดย นพ.บาเช-วิก ทำงานเป็นแพทย์อินเทิร์นอยู่ถึง 20 ปีก่อนจะก้าวขึ้นมารั้งตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลและผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ในปัจจุบัน

มองหาก้าวต่อไป

ล่าสุดทางอะลินาได้เสนอทางเลือกให้ นพ.บาเช-วิกสามารถทำงานล่วงเวลาต่อไปในฐานะแพทย์อินเทิร์นอีกครั้ง หรือโยกไปทำหน้าที่สอนแพทย์รุ่นใหม่

“ผมยังอยากทำงานต่อครับ แต่พออายุปูนนี้แล้วตำแหน่งกับเงินก็ดูจะไม่สำคัญเท่าการรักษาผู้ป่วย และส่งต่อสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตลอดหลายปี” นพ.บาเช-วิกกล่าว “การได้หยุดพักบ้างเพื่อวางแผนสำหรับก้าวต่อไปก็ถือเป็นของขวัญอย่างดีเลยล่ะครับ”

ขอบคุณที่มา

How Health Care Employers Are Welcoming Older Workers : www.forbes.com