ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยืนยัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะไม่เอาภาระไปเพิ่มให้ประชาชน สิ่งที่ให้ไปแล้วถ้าไม่จำเป็นก็ไม่เอาคืน และต้องได้รับสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่านี้ เน้นนโยบายการบริการดีเยี่ยม ส่วนข้อเสนอเพจดราม่าแอดดิจเรื่องโรคหายาก ยินดีรับข้อเสนอพิจารณา

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 15 สิงหาคม ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเปิดการประชุมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการระดับประเทศ ปี 2562 ว่า รัฐบาลยืนยันที่จะสานต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) จึงไม่ต้องไปกังวลเรื่องของการร่วมจ่ายหรือโคเพย์เมนต์ (Co-Payment) ระบบนี้ยังต้องอยู่ต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหลักประกันฯ จะทำให้เกิดความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชน โดยมุ่งเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำของสิทธิประโยชน์และคุณภาพการบริการทั้ง 3 กองทุน ให้เกิดความยั่งยืน ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ ไม่เดือดร้อนหรือล้มละลายจากค่าใช้จ่ายสุขภาพ ได้รับความเท่าเทียมในการรับบริการ

"นโยบายผมที่มอบให้หน่วยงานใน สธ. คือ บริการให้ดีเยี่ยม ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ขณะเดียวกันอยากฝากให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อย่าป่วย อย่าคิดว่ามีคนมารักษา มีบัตรทองไม่เสียเงิน หรือรายได้ดีก็เข้าโรงพยาบาลชั้นนำได้ เพราะสุดท้ายก็จะเจ็บทั้งตัวและกระเป๋า ซึ่งการไม่ได้ใช้ค่าใช้จ่ายจากการรักษา ถือเป็นการทำบุญทุกวัน เพราะงบบัตรทองเป็นการเหมาจ่ายรายหัว หากพร้อมใจกันป่วยหัวละหมื่นก็ไม่พอ แต่หากเราไม่ป่วย ก็จะมีเงินไปใช้รักษาคนที่เจ็บป่วยจริงๆ ที่สำคัญหากคนไทยพร้อมใจกันแข็งแรง ก็จะทำงานได้ จ่ายภาษี ทำให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแรงด้วย เพราะสาธารณสุข คือ รากฐานสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ การมีฐานรากมั่นคงแข็งแกร่งดีกว่ามียอดที่สูงใหญ่บนฐานรากที่อ่อนแอ" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งจะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจเป็นครั้งแรก ตนจะเสนอนายกฯ ว่า เงิน สปสช.เท่าไรก็ไม่พอ แต่ทำได้อย่างเดียว คือ ทำให้ สปสช.ใช้เงินคุ้มค่าที่สุด เช่น ซื้อเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ต่างๆ ต้องผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจประเทศที่ต้องซ่อมอย่างหนักได้ เพราะการใช้จ่ายงบประมาณสุขภาพ 2-3 แสนล้านบาท หากใช้ในประเทศก็จะหมุนเวียนได้หลายรอบ เป็นโอกาสที่ไม่ได้เสียเปล่า ใช้ให้เป็นจ่ายให้เป็นรับให้เป็นก็จะอยู่ได้

เมื่อถามว่าจะไม่มีการร่วมจ่ายในยุคนี้แน่นอนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าตนเป็น รัฐมนตรีว่าการ สธ.และอยู่ในความรับผิดชอบของตน ก็ยังยืนยันว่า บัตรทองยังเป็นภาระที่รัฐบาลให้การดูแล สิ่งที่ประชาชนเคยได้รับมา ก็ต้องไม่เอาภาระไปเพิ่มให้ประชาชน สิ่งที่ให้ไปแล้วถ้าไม่จำเป็นก็ไม่เอาคืน และต้องได้รับสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่านี้ ทั้งการบริการ การรักษา การสร้างเสริมสุขภาพ ส่วนที่ถามว่าการร่วมจ่ายไม่ได้มีแค่ ณ จุดบริการ ตรงนี้รายละเอียดยังไม่ได้ศึกษา ส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาในรัฐบาลก่อน ก็ไม่เป็นไร คงต้องถามเลขาธิการ สปสช. และปลัด สธ.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลดความเหลื่อมล้ำสามกองทุน และข้อเสนอการทำเรื่องสิทธิประโยชน์หลัก สิทธิประโยชน์เสริม เพื่อให้ทุกกองทุนมีความเท่าเทียมกัน นายอนุทิน กล่าวว่า รายละเอียดเป็นเรื่องของ สปสช. ตนให้นโยบายไปแล้วว่า ต้องดูแลให้บริการอย่างดีที่สุดเท่าที่ให้ได้ ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ะไรที่เป็นประโยชน์ประชาชนก็จะขับเคลื่อนอยู่แล้ว อะไรที่ทำให้ไม่รับสะดวกก็จะตัดออกไป นอกจากนี้ สิทธิประโยชน์ที่จะเพิ่มขึ้น คือ โรคที่ยังไม่ครอบคลุม เช่น โรคหายาก โรคอุบัติใหม่ ต้องเบิกให้ได้ เพราะเป็นการเจ็บป่วยเหมือนกัน และพยายามจะครอบคลุมในส่วนของแพทย์แผนไทยด้วย

เมื่อถามถึงกรณีเพจ Drama addict เสนอเรื่องแนวทางการรักษาโรคหายากชนิดหนึ่งเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง นายอนุทิน กล่าวว่า สามารถเสนอเข้ามาได้ เราพร้อมพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการผลักดันยากัญชาเข้าบัตรทอง นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันเหมือนเดิม ถ้ามีประสิทธิภาพดี โดยจะรอผลการติดตามจากผู้ป่วยที่มีการใช้ใน รพ.สังกัด สธ. 19 แห่ง หากเป็นผลดีก็จะมีการพิจารณาผลักดันเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพฯต่อไป