ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมอจุฬาฯ  ชี้โอมิครอน BA.2 แทนที่ BA.1 สิ้นเดือน มี.ค.นี้  ย้ำฉีดวัคซีนเข็ม 3 ป้องกันได้ ส่วนเข็ม 4 เน้นฉีดกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง 608 ขณะที่ผลศึกษาเข็มกระตุ้น พบซิโนฟาร์ม กระตุ้นภูมิฯต่ำสุด แอนติบอดีไม่สูงพอบล็อก Omicron  ขณะที่โมเดอร์นากระตุ้นภูมิสูงสุด ตามด้วยไฟเซอร์ และแอสตร้าฯ  ส่วนเด็กฉีด 2 เข็มไม่พอ!

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการบรรยายทางวิชาการ “วัคซีนเข็มกระตุ้น : กุญแจต่อสู่การระบาดของโอมิครอน” ว่า  การบรรยายทางวิชาการครั้งนี้ตนไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆกับผลิตภัณฑ์วัคซีนยี่ห้อใด เป็นการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการ ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอนถูกแทนที่เร็วมาก มี 2 สายพันธุ์ย่อย คือ BA.1 และ BA.2  ซึ่ง BA.2 ติดง่ายกว่า BA.1 ถึง 1.4 เท่า ภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ BA.2 จะแทนที่ BA.1 แน่นอน  

"ดังนั้น วัคซีนป้องกันโควิดเข็ม 3 จึงเป็นเข็มสำคัญในต่อสู้กับสายพันธุ์โอมิครอน แต่ขณะนี้บ้านเรามีประชากรได้รับเข็ม 3 ไม่ถึง 30% อยากเร่งฉีดกระตุ้นให้เร็วสุด เป็นไปได้ก่อนสงกรานต์อยากให้ทั้งหมดหรือมากที่สุดได้รับเข็ม 3 เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรค ป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต ส่วนเข็ม 4 ก็ควรเน้นฉีดให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง 608  ก่อน" ศ.นพ.ยง กล่าว

ศ.นพ.ยง กล่าวอีกว่า ผลการศึกษาเข็มกระตุ้นในเชื้อตาย วัคซีนซิโนฟาร์ม แอสตร้าเซเนกา ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา พบว่าซิโนฟาร์มกระตุ้นภูมิได้ต่ำที่สุด แอนติบอดีไม่สูงพอที่จะบล็อกโอมิครอน ขณะที่โมเดอร์นากระตุ้นภูมิได้สูงสุด ตามด้วยไฟเซอร์และแอสตร้าฯ  การฉีดเข็มกระตุ้นยิ่งห่างยิ่งดี เปรียบเทียบหลัง 3 กับ 6 เดือน พบว่า 6 เดือนจะได้ภูมิสูงกว่า 3 เดือน แต่เนื่องจากโอมิครอนแพร่เร็ว ระหว่างรอถึง 6 เดือน แอนติบอดีจะต่ำลง โอกาสติดเชื้อระหว่างเข็มเกิดได้ ในทางปฏบัติจึงอยากกระตุ้นให้เร็วขึ้น 3 เดือนก็กระตุ้นได้ โดยเฉพาะคนที่ฉีดเชื้อตายมาควรรีบฉีด   

ศ.นพ.ยง กล่าวด้วยว่า ผลข้างเคียงหลังฉีดไฟเซอร์ระหว่างครึ่งโดสกับเต็มโดสไม่ต่าง แต่โมเดอร์นาเต็มโดสอาการข้างเคียงจะมากกว่า เช่น ปวดข้อ หนาวสั่น เวียนศรีษะ ขณะที่ผลภูมิต้านทานทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา ทั้งครึ่งและเต็มโดสไม่ต่างกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เต็มโดสในการฉีดบูสต์โดส โดยเฉพาะโมเดอร์นาฉีดครึ่งโดสจะลดอาการข้างเคียงลง ขณะที่ให้ผลประสิทธิภาพไม่ต่าง  

ศ.นพ.ยงกล่าวด้วยว่า ในเด็ก 2 เข็มก็ยังไม่พอ ตนพยากรณ์โรคโควิดเดือนมี.ค.นี้พีกสุด เม.ย.จะลดลงต่ำ และพีกใหม่เดือนมิ.ย. พิจารณาจากโรคทางเดินหายใจ โควิดจะเปลี่ยนเป็นโรคตามฤดูกาล ซึ่งโรคทางเดินหายใจจะพบมากในเดือนมิ.ย.เป็นช่วงฤดูฝน และเป็นช่วงเปิดเทอม เด็กต้องไปโรงเรียนหลังไม่ได้ไปมานาน อยากแนะนำให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ก่อนเปิดเทอม เด็กรับไฟเซอร์ 2 เข็มแล้ว หากกระตุ้นก็ควรเป็น mNA ระยะห่างควรอยู่ที่ 4-6 เดือน

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org