ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” ประชุมนัดสุดท้าย! คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบ 4 เรื่อง ทั้งแผนต้านวัณโรค เพิ่มประสิทธิภาพงานชายแดนไทย-เมียนมา ปรับเปลี่ยนหนังสือรับรองวัคซีนโควิดเป็นฉบับรวม บริหารวัคซีน  พร้อมขอบคุณปลัดฯ ผู้บริหารสธ. ทำงานร่วมกันมา 4 ปี ถือเป็นความร่วมมือ และเข้าใจกันระหว่างข้าราชการประจำและภาคราชการการเมือง  

 

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2566 ว่า วันนี้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบ 4 ประเด็น ได้แก่

แผนปฏิบัติการต่อต้านวัณโรค และเพิ่มประสิทธิภาพงานชายแดนไทยเมียนมา

1.แผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศไทย ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค ภายในปี 2578 ซึ่งแผนปฏิบัติการฉบับนี้มีเป้าหมายหลัก คือ ลดอัตราอุบัติการณ์ของวัณโรคลงจาก 143 ต่อแสนประชากรในปี 2564 ให้เหลือ 89 ต่อแสนประชากรในปี 2570 

2.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เพื่อเพิ่มเติมผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 จ.ตาก โดยจะเพิ่มผู้แทนจากสาธารณสุขอำเภอแม่สอด และ ผอ.รพ.สต.บ้านวังตะเคียน เพื่อให้การปฏิบัติงานที่ด่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับจำนวนผู้เดินทางเข้าออกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปรับหนังสือรับรองวัคซีนโควิด จากแยกเดี่ยว เป็นฉบับรวมวัคซีนอื่นๆ  

3.ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามความในมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ฉบับเอกสารรับรองกรณีโรคโควิด 19 ซึ่งแยกเป็นเล่มเฉพาะโควิด 19 โดยปรับให้เป็นเอกสารฉบับรวม เพื่อความสะดวกของประชาชนผู้เดินทางระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนที่ประเทศปลายทางกำหนด เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น วัคซีนอหิวาตกโรค วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมถึงวัคซีนโควิด 19 จะได้ถือเอกสารเพียงฉบับเดียวเท่านั้น โดยมีหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมควบคุมโรค เช่น รพ.รัฐ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นผู้ออกหนังสือให้

บริหารวัคซีนโควิดให้สอดคล้องกับสถานการณ์

4.การบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ความต้องการวัคซีนและความจำเป็น ซึ่งสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้นมาก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต ลดน้อยลงมาก แต่ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดยังคงเป็นกลุ่ม 607 โดยเฉพาะอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จึงขอให้ สธ.เร่งเชิญชวนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดประจำปีควบคู่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยและลดการป่วยหนักในฤดูฝนนี้ ไม่ต้องรอเว้นช่วง สามารถฉีดได้พร้อมกันวันเดียวกัน

“อนุทิน” ขอบคุณปลัด และทุกคนทำงานด้วยกันมา 4 ปีก่อประโยชน์เต็มที่

ถามถึงกรณีมีการระบุว่าการประชุมนี้จะเป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้าย บรรยากาศเป็นอย่างไร นายอนุทินเอ่ยติดตลกว่า ก็ดี ท่านปลัดก็ไล่แล้ว ท่านปลัดก็เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณ ทำงานด้วยกันมา 4 ปีก็ช่วยกันทำงานเต็มที่ สนับสนุนให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ตนรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับบุคลากรสาธารณสุขชั้นนำของประเทศ และข้าราชการระดับผู้ใหญ่ ในคณะกรรมการโรคติตต่อแห่งชาติมีความหมายมากและสำคัญเป็นอย่างมากในช่วงที่ประเทศเรามีสถานการณ์โรคระบาด โรคติดต่อ 4 ปีที่เป็นรัฐมนตรีว่าการสธ.ก็อยู่กับโควิดและเราสามารถทำงานร่วมกับบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทำให้ประเทศของเรารับมือสถานการณ์เหล่านี้ได้ ฟื้นฟูประเทศได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในการทำงาน

ลั่นไม่มีวาระของรัฐมนตรี มีแต่วาระของสธ. สุขภาพของคนไทย

ถามถึงสิ่งที่อยากฝาก รมว.สธ.คนใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนทำงาน 4 ปีในกระทรวง เป็นการร่วมมือกัน และเข้าใจกันระหว่างข้าราชการประจำและภาคราชการการเมือง เป็นสิ่งที่ตนถือว่าสำคัญที่สุด ไม่มีวาระของรัฐมนตรี มีแต่วาระของ สธ.และสุขภาพของคนไทย การทำงานก็เป็นทีมเดียวกัน ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป สิ่งที่เป็นการปฏิบัติ เป้าหมาย การพัฒนา ก็จะดำเนินต่อไป