ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จับตาหลังข้อสั่งการนายกฯ “เศรษฐา” สั่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง  เชื่อหากทำจริงปัญหาหมด แต่หากไม่บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น พร้อมให้ความรู้ ย่อมไม่ได้ พร้อมเผยผลสำรวจเยาวชนภาคอีสานสูบเยอะสุด

 

เมื่อวันที่ 15 เมษายน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ว่าให้มีการกวดขัน ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพราะกระทบกับเด็กเยาวชนในโรงเรียนจำนวนมาก ว่า  นับว่า เป็นครั้งแรกที่นายกฯ มีการสั่งการอย่างจริงจัง ดังนั้น ต้องดูว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปฏิบัติย่างจริงจังด้วยหรือไม่ โดยการห้ามนำเข้านั้น อยู่ในกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ แต่คนที่บังคับจริงๆ คือ ศุลกากร ส่วนสคบ. ก็มีกฎหมายห้ามขาย แต่มีอัตรากำลังจำกัด โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยในเรื่องของการจับกุม  ต้องทำงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำเหมือนไฟไหม้ฟาง สั่งแล้วก็เงียบอีก คนก็ไม่กลัว

 

“เมื่อนายกฯ สั่งการ แล้วศุลกากร ตำรวจ และสคบ. ถ้าทำงานจริงๆ จังๆ ปัญหาก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน ส่วนออนไลน์ตอนนี้เริ่มมีการดำเนินการ แต่ต้องทำต่อเนื่องในการปราาบเว็บไซต์ที่มีการขายบุหรี่ไฟฟ้า เลขาธิการอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ระบุว่า 35 ประเทศที่ห้ามบุหรี่ไฟฟ้า และมีการดำเนินการจริงๆ จังๆ ใน 3 เดือน ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศเขาหมดจริงๆ คนถ้าถูกจับจริงๆ จับแล้วจับอีก ที่ต้องปรับก็ปรับ ที่ต้องจำคุกก็จำคุก เขาก็จะเลิก  เป็นไปไม่ได้ถ้าทำจริงจังแล้วปัญหาจะมากขึ้น”ศ.นพ.ประกิต กล่าว

 

ที่ผ่านมา ไม่เคยมีการสั่งการอย่างจริงๆ จังๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ต้องไม่ลืมว่า ยุคก่อน นอกจากไม่สั่งการป้องกันและปราบปรามแล้วยังจะให้มีการเปิดขายได้อีก ซึ่งการเปิดขายถูกกฎหมายไม่ได้ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนจะหายไป เพราะบุหรี่มวนตอนนี้มีการเปิดขายถูกกฎหมาย แต่บุหรี่เถื่อนก็ยังพบมากถึง 25-27 %

“รัฐมนตรี รัฐบาลชุดที่แล้ว อ้างว่า เนื่องจากมีการขายกันเยอะก็เปิดขายให้ถูกกฎหมายแล้วเรื่องจะได้จบ ๆ  แต่ที่จริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อนก็จะยังมีอยู่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เข้ามารอบนี้บอกว่า ให้เปิดขายเลย แล้วป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึง และป้องกันไม่ให้ผสมกลิ่น รส ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไปอยู่ใต้ดิน อยู่ในตลาดมืดเหมือนปัจจุบัน รวมถึงทอยส์พอต ต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยียม ที่มีการเปิดขายก่อนประเทศไทย ตอนนี้พบว่า  มีการออกกฎหมายขึ้นมาห้ามการขายทอยส์พอต หรือพอตธรรมดา ซึ่งประกาศจะออกกฎหมายให้ได้ภายในปีนี้” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะไปเชื่อที่บริษัทบุหรี่พูดว่า เปิดขายแล้วจะแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนได้ เพราะไม่มีทางแก้ปัญหาได้ หากคุณไม่บังคับใช้กฎหมาย จึงต้องทำทั้ง 2 อย่าง บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง กระทรวงศึกษาต้องให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้านหลักสูตร อย่างในสหรัฐอเมริกา พบว่า เมื่อเด็กมีความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น การสูบก็น้อยลง หรือข้อมูลของไทย สำรวจนักเรียนทั้ง 4 ภาค พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูบมากสุด ภาคใต้ ภาคเหนือ รองลงมา ภาคกลางต่ำสุด ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้ของเด็กว่า รู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด

“วันนี้ต้องยอมรับว่า กระทรวงศึกษาธิการยังไม่ได้ทำ เพิ่งจะมาเริ่มทำ  ทางกทม.ก็เพิ่งจะมาเริ่มทำ ส่วนศุลกากรก็เพิ่งเริ่มจับของเถื่อน ก็ต้องให้เวลาดูว่า เมื่อนายกฯ สั่งแล้ว จะจัดการจริงจังหรือไม่ ซึ่งรวมถึงการขายออนไลน์ด้วย” ศ.นพ.ประกิต กล่าว