ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมนักวิชาการสาธารณสุข เตรียมยื่นหนังสือถึง ปลัด สธ. ขอความชัดเจนกรณีบรรจุข้าราชการโควิดรอบสอง สร้างขวัญกำลังใจจริงหรือไม่ เหตุขณะนี้บุคลากรระส่ำ! หลังเพจอ้างวงใน สธ.ระบุการบรรจุโควิดรอบสองอาจทำคนร้องไห้ ไม่ได้รับบรรจุอย่างที่คาดหวัง ทั้งที่ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี ยื่นหนังสือทวงถามบอกเพียงว่า อยู่ที่ ก.พ. หากไม่มีความชัดเจนคาด 1-2 เดือนเตรียมรวมพล 63 สายงานเคลื่อนไหว ด้าน รองปลัดสธ.รับเรื่อง เตรียมหารือพร้อมสื่อสารข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม  นายริซกี  สาร๊ะ  เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข(ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ Hfocus ว่า  ขณะนี้เกิดความระส่ำระสายในแวดวงสาธารณสุข โดยเฉพาะบุคลากรที่ต่างเฝ้ารอการบรรจุข้าราชการปฏิบัติงานโควิด-19 รอบสอง ซึ่งผ่านมติ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 จนบัดนี้ผ่านมากว่า 1 ปี จะ 2 ปีแล้วก็ยังไม่คืบหน้า แต่ล่าสุดกลับมีเพจ “เรื่องเม้าคนสาสุข” ที่อ้างว่าเป็นคนวงใน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า "วงใน" ในที่นี้คือ คนในกองบริหารทรัพยากรบุคคลของกระทรวงฯหรือไม่ ออกมาโพสต์ข้อมูลเชิงลึกทำนองว่า การบรรจุโควิดรอบสอง ทำคนร้องไห้ ไม่ได้รับการบรรจุอย่างที่คาดหวัง โดยระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอบรรจุกว่า 37,000 อัตรา แบ่งเป็นตำแหน่งว่างกว่า 9 พันอัตรา และขอรับจัดสรรตำแหน่งตั้งใหม่ 2.7 หมื่นอัตรา

“โดยเพจระบุว่า มติครม.เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ให้บริหารตำแหน่งว่างเป็นสำคัญภายใน 1 ปี นับแต่ครม.มีมติ หมายถึงใช้ตำแหน่งว่างอย่างเดียวหรือไม่  ส่วนตำแหน่งขอเพิ่มให้กลับมาทบทวนเหตุผลความจำเป็นของภารกิจ โดยเพจระบุว่า ให้พิจารณานำเทคโนโลยีมาใช้แทนคน ให้มีรูปแบบการจ้างงานที่หลากหลาย แสดงว่าจะไม่มีบรรจุหรือไม่ ตรงนี้ไม่ชัดเจน แต่บุคลากรเกิดความท้อแท้ไปแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ออกมาสื่อสารเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยยื่นหนังสือกับผู้บริหารหลายครั้ง ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน ตอบแค่ว่า เรื่องอยู่ ก.พ.พิจารณา” นายริซกี กล่าว

นายริซกี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางชมรมนักวิชาการสาธารณสุขฯ ได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความก้าวหน้าให้บุคลากรสาธารณสุข และปัญหาความเหลื่อมล้ำของวิชาชีพต่างๆ ซึ่งหนึ่งในข้อหารือวันนั้น มีเรื่องการแก้ปัญหาบุคลากร อัตรากำลัง รวมถึงเรื่องการบรรจุข้าราชการ ทั้งนี้ หลังจากประชุมวันนั้น ได้มีการสรุปมติที่ประชุมและส่งให้แก่สมาคม ชมรมต่างๆที่เข้าร่วมประชุม และจะนัดหารือประเด็นปลีกย่อย  ทางชมรมฯ ก็รอว่า จะมีการหารือวันไหน โดยจะขอความชัดเจนเรื่องนี้เช่นกัน แต่ระหว่างรอก็จะทำหนังสือทวงถามด้วย

แฟ้มภาพ

นายริซกี กล่าวอีกว่า ชมรมฯ จะทำหนังสือถึงท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความชัดเจน ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องบรรจุข้าราชการรอบสองเป็นอย่างไร เพราะจากข้อมูลที่ผ่านมาบุคลากรทราบแค่ว่า ครม.ตีกลับเรื่องนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 โดยให้กลับไปทบทวน แต่หลักเกณฑ์หลังทบทวนเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยออกมาสื่อสารเรื่องนี้ และเมื่อมีเพจออกมาโพสต์ให้ข้อมูลเช่นนี้ คนก็สงสัยว่า ตกลงเป็นเพจกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาสื่อสารให้บุคลากรทราบหรือไม่ ทำให้เกิดความท้อแท้ เพราะนโนบายการบรรจุข้าราชการ เดิมควรเป็นนโยบายสร้างขวัญกำลังใจ แต่ตอนนี้ไม่มีความชัดเจน และหากไม่ได้จริงๆ ก็กลายเป็นว่า รอเก้อ ดังนั้น ถึงเวลาที่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขควรออกมาสื่อสารให้ชัดเจนดีกว่า

 “เราขับเคลื่อนเรื่องนี้มานาน มีการร้องไปยังคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎรให้ช่วยติดตามการทำงานของ ก.พ. ซึ่งจะครบ 3 เดือนแล้ว แต่ทางฝั่งกระทรวงสาธารณสุข มักบอกว่าเรื่องไปอยู่ ก.พ.แล้ว แต่เมื่อมีการทบทวนก็ไม่เคยมีการสื่อสารจากกระทรวงสาธารณสุขว่า ตกลงปรับเปลี่ยนอย่างไร ซึ่งใน 1-2 เดือนนี้หากไม่มีความคืบหน้าไม่มีความชัดเจน ทางชมรมฯจะหารือร่วมกับ 63 สายงานเพื่อหารือในการเคลื่อนไหวมาเรียกร้องที่ส่วนกลางต่อไป” นายริซกีกล่าว

 

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว ในส่วนของเพจที่มีการโพสต์ลักษณะนี้ ไม่น่าใช่ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม พร้อมรับเรื่องและจะมีการสื่อสารข้อเท็จจริงให้บุคลากรทราบต่อไป

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “หมอทวีศิลป์” เผยบรรจุข้าราชการโควิดรอบสอง อยู่ระหว่างจัดทำเกณฑ์ จำแนกข้อมูลอีกครั้ง - ย้ำไร้สัญญาณยกเลิก)

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :

-ปลัดสธ. ร่วม 64 ชมรม สมาคม วิชาชีพต่างๆ แถลงการณ์ 7 ข้อ แก้ปัญหาบุคลากรสาธารณสุข

-ชมรมนักวิชาการสาธารณสุข ยื่นหนังสือ ปลัด สธ. ช่วยความก้าวหน้า- ลดความเหลื่อมล้ำ

-สธ.สรุปตัวเลขใหม่! บรรจุข้าราชการโควิด 63 สายงาน  

-สธ. ได้รับจัดสรรงบเงินกู้ค่าเสี่ยงภัยโควิดและค่าฉีดวัคซีนจากสำนักงบประมาณแล้ว กำชับเร่งเบิกจ่ายให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org