ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"หมอดำรัส"ปูดตรวจเจอข้อมูลซื้อยาล้างไต 3 หน่วยงานไม่ตรงกัน แถมยังสั่งซื้อฉุกเฉินช่วงปลายปี ด้าน"พญ.อรพรรณ์"ซัดปลด "หมอสุวัช"พ้นผอ.เภสัช แค่ปาหี่ แนะ "คสช."ไม่ควรฟังความข้างเดียว ชี้ขาที่ขาดเป็นยาตลาด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจของอภ.

1 พ.ย.57 เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า นพ.ดำรัส โรจนเสถียร ผอ.รพ.มหาสารคามอินเตอร์เนชันแนล อดีตที่ปรึกษาองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ภายหลัง นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้ามารับตำแหน่ง ผอ.แล้ว ได้อนุมัติให้มีการตรวจสอบจัดซื้อน้ำยาล้างไตใหม่ ว่าข้อมูลการจัดซื้อของ 3 ส่วน ได้แก่ อภ. บริษัทเอกชน และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตัวเลขไม่ตรงกัน มีการเขย่งกันในแต่ละปีกว่า 1 พันล้านบาท เบื้องต้นพบว่าเกิดจากระบบข้อมูลไอทีของแต่ละส่วนแตกต่างกัน ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นพ.สุวัช จึงได้เซ็นอนุมัติให้ปรับปรุงระบบไอทีใหม่ ขณะเดียวกันก็พบข้อมูลการจัดซื้อน้ำยาล้างไตฉุกเฉินในช่วงปลายปีงบประมาณ จึงเชื่อว่าเพราะเหตุนี้หรือไม่ที่ไปเหยียบหางใครเข้า ถึงทำให้มีการดิ้นกันสุดฤทธิ์ จนนำไปสู่การปลด นพ.สุวัช ออกจากตำแหน่งก่อนหมดสัญญา

พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล รองประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย(สผพท.) กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่า นพ.สุวัชเป็นบุคคลไร้ประสิทธิภาพในการทำงานตามที่บอร์ด อภ.ให้เหตุผลในการเลิกจ้าง เพราะหากประเมินคุณภาพการบริหารแล้วพบว่าขาดประสิทธิภาพ บอร์ดต้องเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย 6 เดือน เชื่อว่ากระบวนการเลิกจ้าง นพ.สุวัช เป็นการทำปาหี่ เห็นได้จากในวันที่บอร์ดมีมติเลิกจ้างก็มีกลุ่ม 8 เครือข่ายมาถือป้ายร้องเรียน ตามด้วยบอร์ดมีมติเลิกจ้างและตั้งกรรมการสรรหา ผอ.คนใหม่ทันที ที่สำคัญการประเมินผลการทำงานก็ยังไม่ออกมา ทำไมถึงเร่งรีบ

ส่วนข้อกล่าวหาว่าการบริหารของนพ.สุวัช เกิดปัญหายาขาดแคลน เรื่องแบบนี้คนแจ้ง คนให้ข้อมูลควรเป็นหน่วยบริการมากกว่า และหากพิจารณาตามภารกิจของ อภ.ที่ระบุในกฎหมาย อภ.มีหน้าที่ในการจัดผลิตยากำพร้า ยาขาดแคลน ส่วนยาที่บอกว่าขาดนั้นเป็นยาทางการตลาด ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจของ อภ. ก็ไม่ถือว่า อภ.ทำให้เกิดปัญหายาขาด และจากการตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีสถานการณ์ยาขาดแคลนจริง เป็นเพียงการบริหารจัดการที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

“มีข้อสงสัยในตัว 8 เครือข่ายฯ ที่พบว่าเป็นองค์กรเดียวกับที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องโครงการไทยเข้มแข็ง ทุจริตยา ซึ่งบางเรื่องตรวจสอบภายหลังพบว่าไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้าง และทุกครั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวจะมีการเรื่องการเปลี่ยนแปลงอำนาจตลอด กรณีหมอสุวัช สงสัยว่ารับคำสั่งใครมาเคลื่อนไหว และไม่เข้าใจว่าทำไมบอร์ด อภ.ชุดนี้ต้องฟัง 8 เครือข่าย ส่วน ทหาร และคสช.เองก็ไม่ฟังความ 2 ฝ่าย ทำไมต้องเชื่อและฟังความฝ่ายเดียว อภ.ในยุคก่อนที่หมอสุวัชจะเข้ามาก็ถือเป็นยุคมืด มีทั้งปัญหายาพาราฯ ปนขดลวด โรงงานวัคซีนไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ตามกำหนด ถามว่า 8 เครือข่ายฯ ไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่เคยออกมาเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนเลย" พญ.อรพรรณ์ กล่าว.