ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักวิชาการ ห่วง ศิริราชมูลนิธิร่วมมือบริษัทอาหารเสริม หาเงินเข้ามูลนิธิ ชี้ไม่เหมาะสม กลายเป็นการการันตีผลิตภัณฑ์ ใช้ชื่อรพ.ศิริราชไปโฆษณาขายอาหารเสริมทำให้คนคล้อยตามได้ง่าย เท่ากับเป็นการโฆษณาส่งเสริมการขายยา แจงในฐานะโรงเรียนแพทย์ต้องคำนึงถึงหลักจริยธรรม และป้องกันการใช้ยาไม่สมเหตุผลด้วย จี้ทบทวน

ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี 

27 พ.ย.57 ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) กล่าวถึงกรณีศิริราชมูลนิธิศิริราชได้ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนโครงการของมูลนิธิ ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะได้เงินมาสักเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ใจว่ามีอะไรอย่างอื่นหรือไม่ แต่การเอาชื่อศิริราชไปใช้นั้นทำให้เสียหายหลายอย่าง ตอนที่ทำไม่รู้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหลายคนในวงการสาธารณสุขเห็นแล้วไม่สบายใจ เพราะกลายเป็นการการันตีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว แต่ในฐานะที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เป็นโรงพยาบาลของรัฐจำต้องมีข้อบังคับจริยธรรมที่มากกว่าคนอื่น ต้องป้องกันการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล โดยเฉพาะอาหารเสริมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นอาหารเสริมที่ไม่ค่อยมีสรรพคุณเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมามักจะเห็นการอ้างสรรพคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างเปราะบาง เพราะฉะนั้นในความเห็นไม่คุ้มค่าในการประชาสัมพันธ์ให้ และยังเห็นว่าอะไรก็ตามที่เป็นผลิตภัณฑ์เอกชนไม่ควรมีไปสนับสนุนโฆษณา โรงพยาบาลอื่นๆ โรงเรียนแพทย์อื่นๆ ก็ไม่ควรทำเพราะสะท้อนการมีส่วนได้ส่วนเสีย

อย่างไรก็ตาม ต่อเรื่องนี้ตนคงจะไม่ไปเรียกร้องให้ทางศิริราชว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แต่เป็นหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัย หน้าที่ของโรงเรียนแพทย์ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ ต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ว่าเป็นหน้าที่ของตัวเองหรือไม่ ต้องยึดหลักจริยธรรมของการรับโฆษณาส่งเสริมการขายว่าควรจะเป็นอย่างไร

ด้าน นพ.สุธีร์ รัตนมงคลกุล อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.) กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อยไม่เหมาะสมเพราะ 1. ศิริราชเป็นโรงเรียนแพทย์ 2. มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องสุขภาพ เหมือนเป็นการการันตีว่าอาหารเสริมตัวนี้เป็นสิ่งดีมีประโยชน์ กลายเป็นการส่งเสริมการขาย ถ้าอย่างนั้นบริษัทอื่นมาขอทำด้วยได้หรือไม่ ทำไมถึงทำกับบริษัทนี้เท่านั้น เป็นเรื่องความเหมาะสมทางด้านจริยธรรมองค์กรด้วย จริงๆ ไม่มีใครทำเรื่องนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นการทำบุญ เป็นการทำความดี แต่เพราะโรงพยาบาลศิริราชมีอิทธิพลต่อความคิดของคนทำให้คนคล้อยตามได้ ดังนั้นต้องเป็นตัวอย่าง แบบอย่างให้ดีกับโรงเรียนแพทย์แห่งอื่นด้วย

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังเห็นว่าการรับเงินบริจาคนั้นสามารถทำได้ และศิริราชก็สามารถรับเงินบริจาคได้ตนไม่ได้ว่าอะไร แต่การร่วมมือกันเช่นนี้เป็นเรื่องไม่สมควรเพราะเป็นการส่งเสริมการตลาด เป็นการการันตีสินค้าเอกชน เพราะตรงนี้เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้เป็นความร่วมมือกันในเชิงบริจาคทรัพย์เพื่อประโยชน์ต่อมูลนิธิและผู้ป่วย แต่ให้เพื่อโฆษณามากกว่า เจตนาชัดเจนมากว่าเป็นการส่งเสริมการขาย อยากให้ทบทวนเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และสภามหาวิทยาลัยควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยเพราะไม่อย่างนั้นจะไปสอนจรรยาบรรณแพทย์คนอื่นๆ ได้อย่างไรว่าให้หวังประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่หนึ่ง