ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.พบพนักงานขาย สัมผัสชาวต่างชาติ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย ติดตามคนใกล้ชิดแล้ว ส่วนเคสไกด์ไทยนำเที่ยวเกาหลีติดเชื้อตามผู้สัมผัสใกล้ชิดครบแล้วผลตรวจเป็นลบ

เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข แถลงความคืบหน้า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าขณะนี้การประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 มีผลบังคับใช้แล้ว ให้อำนาจเจ้าพนักงานในการบังคับรักษา สั่งห้ามเดินทางเข้า หรือออกนออกนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาด หากกลับมาต้องถูกกักตัว 14 วัน แน่นอน ดังนั้นขอให้เที่ยวในประเทศไทย ช่วยคนไทยด้วยกัน และขอให้ประชาชนยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ซึ่งกรณีการใช้ช้อนกลางนั้นขอย้ำว่าต้องใช้กับทุกจาน รวมทั้งถ้วยน้ำจิ้ม น้ำปลาพริก เป็นต้น

ทั้งนี้เพื่อลดความกังวลเรื่องหน้ากากอนามัย ในวันที่ 2 มี.ค. นี้ กระทรวงจะมีการแจกหน้ากากอนามัย 100,000 ชิ้น ตั้งจุดแจกทุกกรม 1 คน ได้รับ 3 ชิ้น ทั้งนี้กราบเท้าขอวิงวอนอย่าเวียนมารับหน้ากากอนามัย เพื่อนำไปขายต่อในราคาแพง ใครทำแบบนี้บาปหนามาก ถ้าระหว่างการแจกมีนักเลงโตเข้ามาเวียนเทียนจะหยุดแจกทันทีและจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้มีการตรวจยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 1 ราย พนักงานขาย เพศชาย อายุ 21 ปี สัมผัสใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ เริ่มป่วยวันที่ 24 ก.พ.เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ขณะนี้รับไว้รักษาอยู่ที่ รพ.นพรัตนราชธานี ด้วยอาการไข้ ไอ ได้ติดตามผู้สัมผัสเรียบเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสรุปวันนี้มีผู้ป่วยสะสม 42 ราย รักษาหายแล้ว 28 ราย เหลือรักษาใน รพ. 14 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 28 ก.พ. 2,798 ราย ให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,529 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาใน รพ. 1,269 ราย

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเฝ้าระวังตอนนี้ทำทั้งประเทศเพราะตอนนี้พบคนไทยที่กลับจากต่างประเทศแล้วมีอาการป่วย สำหรับการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยปู่ ย่าที่กลับจากญี่ปุ่นนั้นติดตามตัวผู้สัมผัสครบแล้ว ผลตรวจแล็บเป็นลบทุกคน ส่วนเคสไกด์ชายไทยนำเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ป่วยติดเชื้อฯ นั้นติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดครบแล้ว 10 ราย ผลตรวจแล็บเป็นลบเช่นเดียวกัน สำหรับที่มีรายงานพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสุนัขต่างประเทศนั้น ได้หารือกับสัตว์แพทย์แล้ว มีการตรวจความพร้อมในการตรวจแล็บหาเชื้อในสัตว์เลี้ยงแล้ว

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อกังวลเรื่องเชื้อไวรัสที่ติดอยู่บนธนบัตรนั้น หลักการป้องกันที่สำคัญก็คือเราต้องหมั่นล้างมือของตัวเอง เวลาไปสัมผัสอะไร กรณีนี้เช่นกันเวลาหยิบธนบัตรก็ควรล้างมือ ไม่ใช่ล้างธนบัตร

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะรัฐมนตรีสิงคโปร์ สละเงินเดือน 1 เดือน เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจบุคลากรที่ทำงานควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ ท่านรองนายกฯ จะนำร่องหรือเชิญชวน ครม.ไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ายังพอไหวอยู่ เราเอาผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก เป้าหมายตอนนี้คือทำให้คนไทย และประเทศไทยมีความปลอดภัยจากไวรัสฯ ก่อน เรื่องเงินเรื่องทอง เงินเดือนเป็นสัญลักษณ์ แล้วแต่คนคิดกัน วันนี้เราทำงานเต็มที่เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาคือความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ให้ไวรัสโคโรนา 2019 หมดไปจากประเทศไทย นี่คือเป้าหมาย