ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 11 มิ.ย.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มข้าราชเกษียณ อดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารภายในกระทรวงสาธารณสุข สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการโยกย้ายนพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ให้มาปฏิบัติราชการที่กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีถูกบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนรับเงินบริจาคบริษัทยา

นพ.ประเสริฐ ขันเงิน อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ประธานชมรมฯ พศ.2554-2556 กล่าวว่า สมาชิกชมรมไม่สบายใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่รพ.ขอนแก่น เมื่อประมวลเรื่องราวตั้งแต่ปี 2561 มีข้อสงสัยหลายประเด็นในการใช้อำนาจของปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าได้ใช้ดุลยพินิจโดยชอบหรือโดยอคติ หวังผลเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องหรือไม่ ถ้าข้อสงสัยนี้เป็นจริงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดกับที่อื่นอีกหรือไม่

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และท้าทายธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข แต่เชื่ออย่างยิ่งว่าท่านรองนายกฯเป็นผู้มีความยุติธรรม จะลงมาตรวจสอบและแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเป็นหลังพิงที่แข็งแรงให้กับน้องๆ ที่ตั้งใจทำงานโดยสุจริตเพื่อประชาชนและประเทศชาติ” นพ.ประเสริฐกล่าว

ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 บุคลากรทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุขภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากประชาชนชาวไทยและประชาคมโลก กำลังใจจากประชาชนทั่วประเทศเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้บุคลากรทุกระดับมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติงานต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏทั้งจากสื่อและสังคมออนไลน์ สร้างความเคลือบแคลงและสงสัยต่อสังคมในเรื่องธรรมาภิบาลในการบริหารภายในกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของบุคลากรสาธารณสุขอย่างรุนแรง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงต่อธรรมาภิบาลในการบริหารภายในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายที่แปลกประหลาดในหลายจังหวัดเช่นที่ รพ.ขอนแก่น รพ.เลย รพ.กาฬสินธุ์ เกิดการรวมตัวคัดค้านจากทางบุคลากรสาธารณสุข ประชาชนและภาคเอกชนในหลายพื้นที่ จนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นต้องออกมาตรวจสอบและพบว่ามีการโยกย้ายที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และนโยบายของรัฐมนตรีในเรื่องการโยกย้ายในรพ.ขนาดใหญ่ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเลย น่าเสียดายที่ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ต้องลาออกจากราชการในเหตุการณ์ครั้งนั้น

ความเคลือบแคลงของสังคมต่อธรรมาภิบาลในการบริหารภายในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณะสุขเกิดจากข้อสงสัยในการใช้อำนาจของผู้บริหารในการแต่งตั้ง โยกย้ายและการดำเนินการทางวินัย ที่อาจเกิดจากอคติ และมุ่งหมายเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง ทั้งนี้สังเกตจากกรณีที่เกิดขึ้นกับรพ.ขอนแก่นดังนี้

1.คำสั่งที่ 1217 / 2561 โยกย้ายผอ.รพ.ขอนแก่น (1000 เตียง) ไปรพ.พระปกเกล้าฯ จันทบุรี (755 เตียง) และย้ายผอ.รพ.ชุมแพ (224 เตียง) ไปรพ.ขอนแก่นทั้งๆ ที่ผอ.รพ.ขอนแก่นเพิ่งปฏิบัติงานเพียงสามปีไม่ได้ขอย้าย และการพัฒนารพ.ขอนแก่นกำลังไปได้ด้วยดีเป็นไปตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง โยกย้ายของอกพ.สป. หรือไม่ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเวลาต่อมา การอ้างว่าเพื่อให้ไปพัฒนารพ.พระปกเกล้าฯ จันทบุรี แต่การโยกย้ายก่อนเวลาอันสมควรนี้ก็อาจจะส่งผลเสียหายต่อการพัฒนารพ.ขอนแก่นอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน ส่วนการอ้างว่าการย้ายผอ.รพ.ชุมแพไปรพ.ขอนแก่นเป็นไปตามนโยบายเขตสุขภาพที่ให้โยกย้ายภายในเขต ก็ไม่เคยมีปรากฏในหลักเกณฑ์ของอกพ.สป. และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดต้องย้ายผอ.ขอนแก่นไปนอกเขต กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่

2.คำสั่งที่ 624/2563 ให้ผอ.รพ.ขอนแก่นไปปฏิบัติราชการที่กอบอๆศและคำสั่งที่ 625 / 2563 ให้ผอ.รพ.พระปกเกล้าจันทบุรีรไปรักษาการในตำแหน่งผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ หลักนิยม ธรรมเนียมปฏิบัติของกระทรวงสาธารณะสุขหรือไม่ กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเอื้อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่ ที่สำคัญจะมีผลต่อการสอบสวนทางวินัยผอ.รพ.ขอนแก่นที่กำลังจะดำเนินการหรือไม่

3.การดำเนินการทางวินัยต่อผอ.รพ.ขอนแก่นจากบัตรสนเท่ห์ มีกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติและข้อเท็จจริงหรือไม่ ตั้งแต่การพิจารณารับเรื่องร้องเรียน การหาข้อมูลเบื้องต้นนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง การตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ตลอดจนการอ้างมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ ออกคำสั่งให้ผอ.รพ.ขอนแก่นไปปฏิบัติราชการ ที่กระทรวง กรณีเช่นนี้อาจเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องหรือไม่

จากข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้น หากการใช้อำนาจของผู้บริหารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขเกิดจากอคติและมุ่งหมายเพื่อประโยชน์กับพวกพ้องจริง จะมีข้าราชการใต้บังคับบัญชาถูกกระทำในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีกหรือไม่ พวกกระผมขอความกรุณาให้ท่านลงมาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับ และเพื่อธำรงไว้ซึ่งธรรมาภิบาลในการบริหารกระทรวงสาธารณะสุขสืบไป

ทั้งนี้ ท้ายจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีรายชื่ออดีตประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณประกอบด้วย นพ.วีระ อิงคภาสกร อดีตประธานชมรมฯช่วงปี 2537-2540 นพ.อุระพงษ์ เวศกิจกุล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2540-2544 นพ.เทียม อังสาชน อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2549-2551 นพ.วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2551-2554 นพ.ประเสริฐ ขันเงิน อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2554-2556 นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2556-2558 นพ.ธานินทร์ สีวราภรณ์สกุล อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2558-2560 และนพ.โมลี วนิชสุวรรณ อดีตประธานชมรมฯ พ.ศ.2560-2562