ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกฯ-รมว.สธ.หารือนายกรัฐมนตรี กรณีงบสพฉ.ไม่เพียงพอ พร้อมหนุนใช้งบกลางดำเนินการ รอเลขาฯสพฉ.ต่อรองเจรจาตัวเลขงบฯ ขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์งบแพทย์ฉุกเฉินไม่พอเพราะอุดปัญหาบัตรทอง พูดไปเรื่อย เงินคนละกระเป๋า

ตามที่ ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ออกมาเปิดเผยว่างบประมาณ สพฉ.ถูกตัดจนไม่เพียงพอต่อการบริหารงาน อาจต้องชะลองานการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 นั้น (อ่านข่าวเกี่ยวข้อง: เลขาธิการ สพฉ. พ้อถูกจำกัดงบประมาณ อาจต้องชะลอกิจการ 1669)

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องนี้ ตนได้ไปเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ถึงความจำเป็นในการได้รับงบประมาณอย่างเพียงพอเพื่อดำเนินงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่ายังมีพื้นที่ห่างไกลอีกมากที่ยังเข้าไม่ถึงความเจริญ การแพทย์ยังเข้าไม่ถึง ขณะที่สพฉ.เองก็พยายามอบรมขยายเครือข่ายระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุม เพื่อการดูแล และส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน อย่างเช่น การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ ก่อนหน้านี้ต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ทหารบ้าง ตำรวจบ้าง

“แต่เนื่องจากงบประมาณปี 2564 ผ่านไปแล้ว ดังนั้นขอให้มีการใช้งบกลางมาทดแทน ซึ่งท่านนายกฯ ก็เห็นชอบให้ดำเนินการเป็นปกติได้ และสั่งการไปยังสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ส่วนตัวเลขงบฯ นั้นให้เป็นไปตามความเหมาะสม ตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่นั้น ทางเลขาฯ สพฉ. เป็นผู้ไปเจรจาต่อ เบื้องผมได้มีการหารือกับทางเลขาฯ สพฉ.แล้ว ให้นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องไปคุย" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงสาเหตุของการถูกตัดงบฯ ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ เรื่องงบประมาณจะต้องมีคนดูแลงบฯ ต้องมีคนไปต่อสู้ให้ แต่ สพฉ. ไม่ใช่หน่วยงานราชการที่อยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่จะมีปลัดกระทรวง หรือผู้เกี่ยวข้องไปเจรจาต่อรอง แต่เลขาฯ สพฉ. ไม่ได้ถือเป็นข้าราชการประจำของกระทรวงช่องทางการเจรจาตรงนี้อาจจะไม่มี อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่งบของสพฉ.ถูกลดเพราะต้องใช้งบจำนวนมากไปแก้ไขปัญหาบัตรทองนั้น เป็นการพูดไปเรื่อย ซึ่งไม่จริง ไม่เกี่ยวกันเลย เงินคนละกระเป๋ากัน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง