ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ซิลลิค ฟาร์มา นำศักยภาพด้านโลจิสติกส์ ร่วมสนับสนุนรัฐบาลไทย เร่งกระจาย วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาที่ได้รับบริจาคโดยรัฐบาลสหรัฐ 1 ล้านโดส ให้แก่คนไทย

 

 
เมื่อวันที่  22 พฤศจิกายน 2564  ซิลลิค ฟาร์มา ผู้ให้บริการชั้นนำในกลุ่มธุรกิจบริการด้านการดูแลสุขภาพในเอเชีย ประกาศความมุ่งมั่นร่วมสนับสนุนรัฐบาลไทย นำโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการจัดเก็บและขนส่งวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา (Covid-19 Vaccine Moderna) ที่ได้รับการบริจาคมาจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1 ล้านโด๊ส โดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ระดับประเทศ
 
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา ที่บริจาคโดยรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศนั้น เป็นวัคซีนที่มอบให้รัฐบาลไทยใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีแผนการกระจายไปยังจังหวัดที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และต้องไม่นำวัคซีนที่บริจาคนี้ไปแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ต้องไม่มีการนำไปจำหน่ายต่อ เป็นต้น นอกจากนี้ การขนส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆ จะมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการขนส่ง เพื่อคงประสิทธิภาพของวัคซีนและมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันในประชาชนทั้งไทยและต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งในส่วนนี้ ต้องอาศัยหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ และเราได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา เข้ามาดำเนินการให้ เพื่อช่วยเหลือภารกิจของชาติสำหรับวัคซีนที่ได้รับบริจาคนี้”
 
นางสาวพักตร์นลิน บูลกุล ประธานกรรมการบริหาร ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน เราพร้อมนำเอาศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ในการจัดเก็บและกระจายวัคซีนเพื่อคงรักษาคุณภาพของวัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นาที่ได้รับริจาคนี้จนถึงการส่งมอบปลายทางโดยไม่คิดค่าบริการ ซึ่งการสนับสนุนภาครัฐในครั้งนี้สอดคล้องกับพันธกิจของเราในการเพิ่มการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพ และเราพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมถึงขานรับนโยบายการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org