อย.จ่ออนุมัติขยายการใช้วัคซีน “ ซิโนแวค – ซิโนฟาร์ม” เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป พิจารณาเสร็จกลาง ก.พ.นี้

“อนุทิน” เผยวัคซีนไฟเซอร์เด็กอายุ 5-11 ปี ทยอยส่งมอบสัปดาห์ละ 3 แสนโดส เป็นเวลา 10 สัปดาห์จนครบ 3 ล้านโดส รออนุกรรมการสร้างเสริมฯ พิจารณาการศึกษาระยะห่างเข็ม 1 และ 2 ด้าน อย. เตรียมขยายทะเบียนใช้วัคซีน “ซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม” เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป หลังบริษัทยื่นเอกสารครบถ้วน ขอเวลาพิจารณา 2 สัปดาห์

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวถึงวัคซีนโควิดเด็กว่า วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี จะมีการส่งมอบสัปดาห์ละ 3 แสนโดส เป็นเวลา 10 สัปดาห์ จนครบ 3 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กำลังพิจารณาแนวทางการฉีด เนื่องจากที่ป้ายวัคซีนระบุการฉีดระยะห่างเข็ม 1 และ 2 อยู่ที่ 3 สัปดาห์ แต่มีการศึกษาพบว่าการฉีดระยะห่าง 7-8 สัปดาห์ ประสิทธิภาพน่าจะเพิ่มมากกว่า หากคณะอนุกรรมการฯมีมติอย่างไร ก็จะปฏิบัติตามนั้น

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวความคืบหน้าของการอนุญาตขยายกลุ่มอายุผู้ใช้วัคซีนโควิด19 จากผู้ผลิตวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ซึ่งยื่นเอกสารเพื่อขออนุญาตใช้ในอายุ 3 ปีขึ้นไป ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65 ทางผู้ผลิตได้ส่งเอกสารเข้ามาให้กับ อย.ครบถ้วนแล้ว ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการใช้วัคซีน ขั้นตอนต่อไปคือคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจาก อย. จะร่วมกันพิจารณาข้อมูล ซึ่งจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดคือ 2 สัปดาห์ และหากข้อมูลครบถ้วน คณะกรรมการอนุมัติให้ใช้ได้ ก็จะขยายทะเบียนต่อไป

เมื่อถามว่าวัคซีนซิโนแวค และซิโนฟาร์มในเด็ก 3 ขวบขึ้นไป เป็นตัวยาชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในผู้ใหญ่หรือไม่ หากขยายทะเบียนแล้วจะสามารถใช้วัคซีนที่เรามีในมือได้ทันทีหรือไม่ เพราะผู้ปกครองหลายคน รอพิจารณาก่อนตัดสินใจให้ลูกหลานฉีด เท่าที่ทราบข้อมูลคือตัวยาเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในผู้ใหญ่ ดังนั้นหากมีการขยายทะเบียนแล้วก็สามารถใช้วัคซีนที่มีได้เลย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะมีการพิจารณาแล้วเสร็จภายในกลางเดือนก.พ.

"ประชาชน ผู้ปกครองที่รอการอนุมัติวัคซีนเชื้อตายทั้งสองบริษัท ต้องเรียนว่า ขึ้นอยู่กับพิจารณาของแต่ละท่าน แต่ที่เราได้ขยายอายุให้ใช้และมีการอนุญาตให้ฉีดในเด็กได้แล้วคือวัคซีนไฟเซอร์ ที่มีข้อมูลความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพตามที่ อย. อนุมัติไปแล้ว" นพ.ไพศาล กล่าว

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org