ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่สายไหมแจก ATK แก่กลุ่มเสี่ยง ชูโมเดลใช้จิตอาสาเข้าไปตรวจเชิงรุกในชุมชนที่หน่วยงานภาครัฐยังเข้าไม่ถึง หากได้ผลจะขยายรูปแบบนี้ไปยังชุมชนอื่นๆต่อไป

วันที่ 24 ม.ค. 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย ทพ.วิรัตน์ เอื้องพูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กทม. ลงพื้นที่ชุมชนริมคลองสายไหมเขตพื้นที่เชื่อมต่อชุมชนแอนแน็กซ์และชุมชน กสบ.พัฒนา เพื่อมอบชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) ให้กับพรหมธาดาคลินิกเวชกรรม สาขาตลาดวงศกร เพื่อนำไปตรวจแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยจะมีทีมงานกลุ่มอาสา "สายไหมต้องรอด" เป็นความร่วมมือกับทางคลินิกในการเข้าไปตรวจเชิงรุกให้กับกลุ่มเสี่ยงในชุมชน

นพ.จเด็จ กล่าวว่า จุดที่มาทำการส่งมอบ ATK ในครั้งนี้เป็นจุดที่พบคนในชุมชนติดโควิด-19 ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยโดยรอบเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงมีความจำเป็นต้องทำการตรวจคัดกรอง ซึ่งรูปแบบในการตรวจคัดกรองครั้งนี้เป็นรูปแบบที่จิตอาสาเข้าไปช่วยตรวจ ATK ให้กับชุมชน เนื่องจากมีความคล่องตัวและสามารถไปได้ในหลายพื้นที่ ถือเป็นรูปแบบใหม่ที่หากได้ประสิทธิผลดี ในหลายๆชุมชนโดยเฉพาะชุมชนแออัดที่หน่วยราชการยังเข้าไม่ถึง สปสช. ก็จะใช้จิตอาสาร่วมกับคลินิกในพื้นที่เข้าไปตรวจเชิงรุกมากขึ้น

"ที่ผ่านมาจิตอาสาจะรับบริจาคหรือจัดซื้อชุดตรวจ ATK กันมาเอง ซึ่งในระบบของเราผู้ที่มีความเสี่ยงก็สามารถขอรับ ATK ได้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังหรือไปรับที่ร้านยา แต่บางครั้งก็หาไม่ง่ายเพราะ ATK เหลือน้อยลง จะให้กลุ่มเสี่ยงในชุมชนไปเดินหาก็จะเสียเวลาและอาจไม่เกิดประสิทธิผล และการให้จิตอาสาเข้าไปทำการตรวจเชิงรุกในชุมชนจะตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า" นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ใน กทม.ช่วงนี้ จำนวนผู้ป่วยเริ่มทยานขึ้น แต่ตัว Home Isolation, Community Isolation รวมถึง Hospitel ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งมีแผนสำรองจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มกรณีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่น่ากังวลใจ ส่วนการดำเนินการจัดหา ATK ระยะต่อไป หลังจากที่กระจายล็อตแรก 8.5 ล้านชุดหมดแล้ว ขณะนี้มีการหารือว่า สปสช. จะจัดสรรเป็นงบประมาณให้แก่หน่วยบริการแทนที่จะซื้อชุดตรวจไปให้ ซึ่งวันที่ 7 ก.พ. 2565 จะเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก "สายไหมต้องรอด" กล่าวว่า โดยปกติทางกลุ่มจัดหา ATK มาช่วยตรวจให้ประชาชนเอง โดยเน้นตรวจให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยง และพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 20% ของที่ตรวจทั้งหมด ในกรณีที่ตรวจพบ จะแนะนำให้โทรเข้าสายด่วน 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบ Home Isolation ก่อน แต่ถ้าอาการเปลี่ยนแปลง ทางกลุ่มก็จะจัดหารถไปรับตัวส่งโรงพยาบาลทันที

"การแพร่กระจายเข้าไปในชุมชนแล้ว คนที่พอมีฐานะไม่น่าห่วง แต่ที่ห่วงคือตามชุมชนแออัดและกลุ่มเปราะบาง เพราะชุนชนเหล่านี้อยู่แบบครอบครัวใหญ่ บางบ้านอยู่กัน 20 คนก็มี ถ้ามีคนติดเชื้อขึ้นมา จะไปซื้อชุดตรวจสำหรับคนอื่นๆ ชุดละ 80 บาท รวมๆเท่ากับ 1,000 กว่าบาท ซื้อข้าวกินได้ทั้งเดือน ระหว่างซื้อชุดตรวจกับข้าวสารเขาซื้อข้าวดีกว่า ทำให้การป้องกันและควบคุมโรคเป็นไปได้ยาก แต่ครั้งนี้ สปสช.เป็นหน่วยงานรัฐหน่วยแรกที่เข้ามาสนับสนุน การได้ ATK 2,000 ชุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก" นายเอกภพ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ดร.ณพัศ เนติวรรธนะ เจ้าของพรหมธาดาคลินิกเวชกรรม กล่าวว่า ชุดตรวจที่ได้รับวันนี้จะร่วมมือกับกลุ่มสายไหมต้องรอดนำไปแจกประชาชนแก่กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่รับผิดชอบในเขตสายไหม ซึ่งในส่วนของทางคลินิกเองยินดีที่จะปฏิบัติงานตามที่ สปสช. ประสานมาทุกอย่าง ถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยบริการที่จะช่วยเหลือประชาชนทุกสิทธิ และเป็นการช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อให้ชุมชนอยู่ได้

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org