ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะยังสูงในหลายประเทศรวมถึงประเทศที่คลายมาตรการควบคุมการระบาดต่างๆ นานา แล้ว แต่เมื่อถึงกลางเดือนเมษายนก็มีความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขึ้นอีกครั้ง นั่นคือการสิ้นสุดของคำสั่งสวมหน้ากากอนามัย (Mask mandate) ในสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเด็นปัญหามาโดยตลอด

จะเห็นได้ว่าจากกการายงานของสถานีวิทยุ NPR ระบุว่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน เมื่อผู้พิพากษาของศาลรัฐบาลกลางได้ยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากที่เป็นคำสั่งของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ที่บังคับใช้สำหรับการขนส่งสาธารณะ โดยฝ่ายบริหารความปลอดภัยด้านการขนส่งจะไม่บังคับใช้คำสั่งของรัฐบาลกลางที่กำหนดให้ต้องสวมหน้ากากในสนามบินทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและในเครื่องบินต่างประเทศอีกต่อไป      ปรากฏว่าไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา ก็มีวิดีโอปรากฏบนโซเชียลมีเดียแสดงภาพผู้โดยสารที่กำลังเฉลิมฉลองการยกเลิกคำสั่งนี้ และสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศยกเลิกข้อกำหนดเรื่องหน้ากากเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางตัดสินว่า CDC ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตทางกฎหมาย (1)

          แต่อย่างที่บอกไว้ว่าประเด็นนี้คือเรื่องถกเถียงมาตลอดตั้งแต่เริ่มการระบาดใหญ่ แม้จนถึงจุดที่เชื่อว่า "เราอยู่ร่วมกับโควิดได้แล้ว" และเชื่อว่า "การระบาดกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โรคประจำถิ่น" แต่หลายฝ่ายก็ยังไม่ลงรอยกันว่าควรจะเลิกคำสั่งของรัฐบาลที่กำชับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากหรือไม่ ดังจะเห็นได้จากรายงานของ NPR ว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของผู้พิพากษา (แม้ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางเหมือนกัน) และกล่าวว่าพร้อมที่จะอุทธรณ์คำตัดสินหาก CDC กล่าวว่าอาณัติหน้ากากควรคงไว้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและสาธารณสุข (1)

          เรื่องนี้มีความย้อนแย้งและต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2563 CDC กล่าวว่าไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนทั่วไป (2) อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 CDC ได้เปลี่ยนคำแนะนำเพื่อแนะนำให้ผู้คนสวมผ้าปิดหน้า "ในที่สาธารณะเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำได้ยาก" (3) ซึ่งหากจะยังจำกันได้ไม่ใช่แค่ CDC เท่านั้นที่มีท่าทีสับสนแบบนี้ แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็เปลี่ยนท่าทีเช่นกัน จนทำให้เกิดความสับสนอย่างมากในช่วงแรกๆ ของการระบาด แต่ในบางประเทศนั้น มันทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นและอาการต่อต้านคำแนะนำสวมหน้ากากและยิ่งต่อต้านหนักขึ้นเมื่อมันเป็นคำสั่งหรืออาณัติ (Madate) ของรัฐบาล

          มันยังกลายเป็นประเด็นทางการเมืองด้วย อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อต้านการสวมหน้ากากในการปรากฏตัวต่อสื่อสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ และไม่ได้ประกาศใช้อาณัติให้สวมหน้ากากที่ในชุมนุมและงานรณรงค์สาธารณะอื่นๆ ในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ทรัมป์ยังเยาะเย้ยและเยาะเย้ยโจ ไบเดน ฝ่ายตรงข้ามจากพรรคเดโมแครต (และผู้ชนะในการเลือกตั้งในที่สุด) จากการที่ไบเดนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

          ส่วนไบเดนและประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เปโลซี จากพรรคเดโมแครตเช่นกันวิจารณ์ทรัมป์ที่ไม่สมเคร่งครัดกับหน้ากาก โดยมองว่าเป็นเรื่องอันตรายและขาดความรับผิดชอบ และหลังจากที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2564 หนึ่งในคำสั่งประธานาธิบดีชุดแรกของเขา คือการสั่งให้สวมหน้ากากในสถานที่ของรัฐบาลกลาง ไบเดนยังได้ออกคำสั่งประธานาธิบดีที่กำหนดให้สวมหน้ากากในระบบขนส่งสาธารณะ

          ต่อมา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม CDC ได้ประกาศแนวทางใหม่ โดยระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วไม่ต้องสวมหน้ากากหรือปฏิบัติตนเว้นระยะห่างทางสังคม เว้นแต่จะมีคำสั่งสาธารณสุขหรือหน่วยงานเอกชนกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น (เช่น ในการขนส่งสาธารณะทั้งหมด และในกรณีที่พื้นที่นั้นๆ อาณัติให้สวมหน้ากากยังคงมีอยู่)

          ทว่า คำแนะนำฉบับใหม่ต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าออกมาก่อนเวลาอันควรและอาศัยความเชื่อมั่นในตะวันประชาชนกันเองเสียมาก เนื่องจากเป็นการยากที่จะระบุได้ว่ามีใครฉีดวัคซีนครบถ้วนโดยไม่มีเอกสารยืนยันหรือไม่ มีเพียงประมาณ 36% ของชาวอเมริกันเท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ณ จุดนั้น และมีเสียงวิจารณ์ว่าคำแนะผ่อนคลานอาณัติหน้ากากจะส่งเสริมผู้ที่ต่อต้านหน้ากากและ/หรือต่อต้านวัคซีน (4) ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าไบเดนมีคำสั่งนี้ออกมาเพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนต่อปัญภายในและภายนอกประเทศที่รัฐบาลของเขาประสบอยู่

          แต่หลังจากการระบาดของเชื้อเดลตา CDC และรัฐบาลท้องถิ่นก็หันมาออกคำสั่งให้สวมหน้ากากอีกครั้ง โดยในช่วงปลายปี 2564 และต้นปี 2565 CDC ได้ขยายเวลาการใช้บังคับใช้การสวมหน้ากากในระบบบขนส่งสาธารณะจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคมเพื่อให้เวลากับในการศึกษาเชื้อกลายพันธุ์ Omicron ที่แพร่เชื้อได้สูงและผลกระทบของมัน (5)

          อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 หนึ่งสัปดาห์หลังจากการขยายเวลาของ CDC ผู้พิพากษาแคทริน คิมบอลล์ มิเซลล์ (Kathryn Kimball Mizelle) แห่งศาลแขวงประจำเขตกลางของฟลอริดาได้มีคำชี้ขาดว่าการฟ้องร้องโดยสายการบินและบริษัทอื่นๆ ต่ออาณัติตำสั่งสวมหน้ากากของ CDC  นั้นผิดกฎหมาย โดยผู้พิพากษามิเซลล์ระบุว่าอาณัติดังกล่าวเกินอำนาจตามกฎหมายของ CDC และยังละเมิดพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความปกครอง เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวจัดทำขึ้นในลักษณะโดยพลการและไม่มีความแน่นอน (5)

          เหมือนกับเมื่อตอนที่ Delta และ Omicron ระบาดและยังไม่ทราบความร้ายแรงของมันชัดเจนนัก CDC ต้องกายืดอายุอาณัติสวมหน้ากากออกไป ซึ่งที่จริงแล้วคำสั่งสวมหน้ากากสำหรับเครื่องบินและระบบขนส่งสาธารณะถูกกำหนดให้หมดอายุในวันที่ 18 เมษษยน แต่แล้ว CDC กล่าวว่าต้องใช้เวลาอีกสองสัปดาห์ในการศึกษาว่าสายพันธุ์ย่อยของ BA.2 ของ Omicron เป็นตัวการทำให้เคสติดเชื้อเพิ่มขึ้นและจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงหรือไม่ แต่คำตัดสินของผู้พิพากษาให้ยกเลิกอาณัติก่อนที่จะมีการพิจารณาทบทวน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกากล่าวว่าการรักษาอำนาจของ CDC ในการปกป้องสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ และรอให้ CDC ตรวจสอบว่าอาณัติมีความจำเป็นจริง ๆ ในด้านสาธารณสุขหรือไม่ (1)

          ดูเหมือนการขนส่งสาธารณะจะรอวันนี้มานาน NPR รายงานว่า "ทุกๆ สองสามนาที เราจะได้ยินระบบขนส่งใหม่ๆ ที่ยกเลิกข้อบังคับเรื่องหน้ากาก" หลังจากที่ศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งออกมา แต่ขณะที่ฝ่ายตุลาการมีคำสั่งดังกล่าว ฝ่ายบริหารคือทำเนียบขาวกลับสนับสนุนให้ผู้คนสวมหน้ากาก ทว่า ประธานาธิบดีไบเดนเมื่อถูกถามว่าผู้คนควรสวมหน้ากากบนเครื่องบินต่อไปหรือไม่ และเขากล่าวว่า "แล้วแต่พวกเขา" ความยอกย้อนนี้ NPR ชี้ว่าเป็นเพราะไบเดนถูกกดดันจากฝ่ายก้าวหน้าในพรรคของเขาเองที่กังวลว่าไบเดนกำลังนำการเมืองนำหน้าสาธารณสุข (1)

          ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านรัฐศาสตร์ แม้แต่ในหมู่นักนิติศาสตร์ก็ยังถกเถียงเรื่องคำสั่งของศาลรัฐบาลกลางที่ฟลอริดา โดยชี้ว่าผู้พิพากษาเข้าใจเนื้อหาของกฎหมายสาธารณสุขคลาดเคลื่อนไป และเหตุผลของผู้พิพากษา (ที่อิงกับการตีความที่คลาดเคลื่อน) จะทำให้รัฐบาลไบเดนควบคุมการระบาดได้ยากขึ้น (6)

 

อ้างอิง

1. "The CDC's mask mandate for public transportation has been reversed". (April 19, 2022). NPR.

2. "Transcript for CDC Telebriefing: CDC Update on Novel Coronavirus". Centers for Disease Control and Prevention. 12 February 2020.

3. "Fact check: Medical discharge document includes outdated CDC guidance on face masks". Reuters. 3 July 2020.

4. "The new mask guidance relies on an honor system. Do we trust each other enough to make it work?". (May 15, 2021). Washington Post. 

5. Sneed, Tierney (April 18, 2022). "CDC mask mandate for travelers no longer in effect following judge's ruling, official says". CNN.

6. "The judge who tossed mask mandate misunderstood public health law, legal experts say". (April 19, 2022). NPR.

 

 

ภาพ https://www.instagram.com/p/CKSnaY3oRbM/ (The White House)