ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นับถอยหลังสู่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เมื่อศบค.มีมติยกเลิกระบบ Test&Go สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยแนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเองระหว่างพำนักในไทย สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ พร้อมลดวงเงินประกันเหลือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐและลดระยะเวลาการกักตัวกลุ่มเสี่ยงเหลือเพียง 5 วัน โดส เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป

สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ ยังต้องมีหลักฐานการจองห้องพักสถานกักตัวทางเลือกและยื่นผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ก่อนเข้าไทยก่อน 72 ชม. โดยทั้งสองกลุ่มยังต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือการผ่อนคลายมาตรการในการเข้าประเทศ ซึ่งได้มีการปรับแล้วโดยการยกเลิก Test and Go ให้ตรวจเพียง ATK เพื่ออำนวยความสะดวกให้รวดเร็วขึ้นสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว และเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว และหลายประเทศก็มีการผ่อนคลายไปมากพอสมควรแล้ว

แน่นอน...การปรับมาตรการครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากภาคการท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรมองข้ามการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการกับสถานการณ์ที่จะตามมาด้วย

 

>> เห็นสัญญาณท่องเที่ยวฟื้น

ศศิธร กิตติธรกุล  นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ บอกว่า การปรับมาตรการครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีมากและจะฟื้นการท่องเที่ยวกลับมาได้แน่เพราะเปิดโอกาสให้เดินทางได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถประชาสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ยังมีความยุ่งยากในเรื่องขั้นตอน เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศที่มีการผ่อนคลายกันไปมากแล้ว แต่เมื่อยกเลิกระบบเทสต์แอนด์โก เหลือแค่ ATK เป็นการสร้างเสรีมากยิ่งขึ้น

การลดวงเงินประกันและระยะเวลากักตัวสำหรับกลุ่มเสี่ยงก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญ เพราะจะช่วยให้นักท่องเที่ยวประหยัดค่าใช้จ่ายและลดการเสียเวลาน้อยลง เมื่อการเดินทางง่ายขึ้น การตัดสินในการเข้าประเทศก็ง่ายตามไปด้วย ทำให้ในแง่ของผู้ประกอบการก็สามารถวางแผนในเรื่องเศรษฐกิจและการบริหารได้สะดวกยิ่งขึ้นเช่นกัน

“ด้านความปลอดภัยเราก็ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงให้น้อยลง เรื่องเศรษฐกิจก็สำคัญ ช่วงนี้อาจจะไม่ใช่ไฮซีซั่นแต่ก็มองข้ามนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short haul)  เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่อินเดีย ก็เป็นประเทศที่น่าจับตามอง ที่ผ่านมาเราได้ไทยเที่ยวไทย แต่ด้วยเศรษฐกิจของไทยเอง บางทีอาจยังไม่เพียงพอ ยังต้องการเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาช่วยเศรษฐกิจด้วย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ คาดว่าจะมียอดจองจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ในไฮซีซั่นหน้า”

 

>> ภูเก็ตลุยโรดโชว์-จัดงาน TTM

การปรับมาตรการครั้งนี้ทำให้มีการประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสนามบินภูเก็ตกลับมาแตะหลัก 3000 คนต่อวันอีกครั้งเหมือนช่วงปลายปีที่แล้ว โดยทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเตรียมนำผู้ประกอบการไปโรดโชว์ที่ออสเตรเลีย 3 เมือง ได้แก่ ซิดนีย์ เมลเบิร์น และบริสเบน วันที่ 3-5 พ.ค. และซาอุดิอาระเบียและอิสราเอล วันที่ 15-19 พ.ค. นอกจากนี้ยังร่วมกับททท. เตรียมจัดงาน Thailand Travel Mart 2022 หรือ TTM 2022@Phuket Thailand  ในวันที่ 8-10 มิ.ย. ซึ่งเป็นการจัดงานเจรจาธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในสถานที่จริงงานแรกของภูมิภาคเอเชียหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนจากทั่วโลก 350 คนเข้าร่วมงาน

“งานนี้จัดเพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตในฐานะจุดหมายปลายทางหลักที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวของไทยได้พบปะเจรจาซื้อขายกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศ และเพื่อให้ผู้แทนบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศได้มีโอกาสสำรวจสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงได้นำไปประชาสัมพันธ์แก่กลุ่มเป้าหมายและบรรจุในโปรแกรมเสนอขายในอนาคต เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของพื้นที่ ผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูงให้กระจายสู่ท้องถิ่นและชุมชนอย่างทั่วถึง” นันทาศิริ รณศิริ ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าว

 

>> ยอดนักท่องเที่ยวติดเชื้อเพิ่ม

นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ยอมรับการปรับมาตรการยกเลิกระบบเทสต์แอนด์โก อาจพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้นตามสัดส่วนของคนที่เดินทางเข้ามา เมื่อมีคนเข้ามามากขึ้นก็มีโอกาสพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นด้วยเป็นธรรมดาแต่ยังน้อยกว่าผู้ติดเชื้อภายในประเทศมาก

“ตอนนี้เปอร์เซ็นต์พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1 เปอร์เซนต์เท่านั้นซึ่งน้อยมากและส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีอาการเพราะฉีดวัคซีนกันครบแล้ว เมื่อไม่มีอาการก็แทบไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขเป็นการรักษาตามอาการไป อย่างเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาก็มีคนเดินทางเข้ามากขึ้น แต่ก็ไม่มีปัญหาและที่ผ่านมาก็มีประสบการณ์มาพอสมควรแล้ว ส่วนกลุ่มผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 และไม่ได้รับวัคซีนครบโดส”

ขณะที่ระบบสาธารณสุขก็มีการเตรียมพร้อมสำหรับรองรับกลุ่มสีเหลืองและสีแดง เมื่อสัดส่วนการครองเตียงกลุ่มมีอาการอยู่ที่ 25-26 เปอร์เซ็นต์ ส่วน Hospitel ก็ใช้ไปเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นของจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ในจังหวัดท่องเที่ยวนำร่องได้มีการปรับเป็น Hotel Isolation กันแล้วด้วย

 

>> มองข้ามตัวเลขเน้นนัยสำคัญ

เลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงาและเจ้าของบริษัทนำเที่ยว กล่าวว่านี่ถือเป็นของขวัญปีใหม่ไทยสำหรับภาคการท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้และอยากเห็นการผ่อนปรนเรื่อยๆ เหมือนกับหลายชาติที่ผ่อนคลายกันไปล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตามหากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดมากขึ้นและเกิดความไม่สบายใจภายในประเทศ อยากให้ความสำคัญเรื่องกลุ่มอาการหนักหรือผู้เสียชีวิตที่มีนัยมากกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อหากจะมีการทบทวนมาตรการอีกครั้ง เพราะมีโอกาสติดได้แต่อาการไม่รุนแรงมากแล้ว

นอกจากนี้เมื่อยกเลิกระบบเทสต์แอนด์โกแล้วน่าจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเข้ามามากขึ้น สิ่งที่กังวลคือความพร้อมในการบริหารจัดการและการตั้งรับในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวบนพื้นฐานของความปลอดภัย เช่น การจัดการไม่ให้เกิดความแออัดภายในสนามบินในช่วงใดช่วงหนึ่งที่สำคัญต้องมีความชัดเจน เพราะเชื่อว่าในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

 

>> อย่ารีบด้อยค่าความรุนแรงของโควิด

อุดร ทวีเมือง ผู้ประกอบการในภูเก็ต เห็นด้วยกับนโยบายนี้เพราะอัตราการติดโควิดภายในประเทศเยอะอยู่แล้ว เพียงแต่หากพบการติดเชื้อก็ต้องกักตัวตามมาตรการ และภายในประเทศต้องไม่ด้อยค่าความรุนแรงของโควิดเร็วเกินไป ซึ่งการปรับให้เป็นโรคประจำถิ่นตอนนี้คงจะเร็วไปหน่อย เนื่องจากอัตราการได้รับวัคซีนเข็ท 3 หรือ Booster Dose ของประเทศน่าจะยังไม่กว้างมากนัก

“สิ่งสำคัญต้องเร่งฉีด booster dose ให้ได้ 70-80% เพราะจะได้ลดความรุนแรงของอาการหากติดโควิด แต่หากเราไม่เปิดตอนนี้อาจจะส่งผลกระทบอีกเป็นปี เพราะเอเยนต์ท่องเที่ยวจะโปรโมทประเทศอื่น และเมื่อโปรโมทแล้วคงต้องขายกันทั้งปีเพื่อให้คุ้มค่าโปรโมท ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นการท่องเที่ยวของเราจะถูกทิ้งไว้อีกเป็นปี ส่งผลกระทบมหาศาลต่อทุกภาคส่วน”

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง