ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกฯ-รมว.สธ. ส่งสาส์นถึงบุคลากรสาธารณสุขทุกคน ขอให้ทุกจังหวัดเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธศาสตร์เตรียมพร้อมเข้าสู่โรคประจําถิ่น รวมทั้งเชิญชวนประชาชนรับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์  ส่วนหน้ากากอนามัยไม่ประกาศถอดหรือไม่ถอด ขอให้ประเมินความเสี่ยงตามสถานการณ์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 มิ.ย.2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสธ. ได้จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชน Meet The Press แถลง "Move on จากโควิด ใช้ชีวิตแบบมั่นใจ"  พร้อมอ่านสาส์นจากรมว.สธ.ถึงบุคคลากรสาธารณสุข สถานพยาบาลทั้งประเทศ ร่วมมือกันเตรียมความพร้อมทางสาธารณสุข ทั้งเรื่องการดูแลรักษาพยาบาล เตียงดูแลรักษา การจัดหาเวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และวัคซีนให้มีความเพียงพอ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และขอให้ทุกจังหวัดเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมในเข้าสู่การเป็นโรคประจําถิ่น และเชิญชวนให้ประชาชนรับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด 19

นายอนุทิน กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์โควิดดีขึ้นแล้ว แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ยอดติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 3,000 รายต่อวัน เสียชีวิตต่ำกว่า 30 รายต่อวัน เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์แล้ว ยืนยันถึงประสิทธิภาพในการควบคุมโรค และความร่วมมือของประชาชน ในการปฏิบัติตามคำแนะนำในการควบคุม ป้องกันโรค วันนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องมีการสื่อสารเพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนและประเทศไทยในการปรับวิถีชีวิตไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งการเป็นโรคประจำทีมไม่ได้หมายความว่าความรุนแรงลดลง แต่เป็นโรคที่จะต้องอยู่กับเรา และเราต้องอยู่กับมัน แต่การเป็นโรคประจำถิ่นจะทำให้เรามีความคุ้นชินและเข้าใจในการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย เลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ยังมีปัญหาคนจำนวนมากยังไม่ฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเร่งรณรงค์ให้คนที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีนมาฉีดวัคซีนต่อไป ทั้งนี้ การสื่อสารเป็นส่วนสำคัญมากที่จะทำให้คนเหล่านี้เข้าใจว่าการได้รับวัคซีนอย่างถูกต้องครบจำนวนที่สมควรจะได้รับ จะทำให้คันติดเชื้อ เสียชีวิตในแต่ละวันลดลง ตอนนี้ยังไม่อยากพูดว่าสำเร็จแล้ว แต่มีความสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ เรื่องที่ต้องปฏิบัติต่อไปคือมาตรการ 2 U สวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร  

"ผมมีความพยายามที่จะคืนความเป็นปกติส่งให้พี่น้องประชาชนมากที่สุด ในการพูดถึงการถอดหน้ากาก การกลับมาช่วยชีวิตปกติ การเปิดทุกอย่างไม่ต้องมีข้อจำกัดใด ๆ ก็เป็นเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขเหมือนกัน เพียงแต่เราต้องใช้ความเข้าใจของสถานการณ์ ของแต่ละคนด้วย ถ้ามีความเสี่ยงก็ประเมินได้ ถ้าเสี่ยงก็หยิบหน้ากากมาใส่ได้เป็น Option แต่คงไม่มีประกาศว่าจะต้องถอดหรือว่าใส่หน้ากากอะไรออกมา ใครจะใส่ก็ใส่ ใครจะถอดก็ถอดอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ของแต่ละคน" นายอนุทิน กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน นายอนุทิน ได้อ่านสาส์นถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข   ระบุว่า 

ถึง บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่รักทุกท่าน

*** เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่นของโรคโควิด 19 ขอความร่วมมือจากพี่น้องชาวสาธารณสุขทุกท่าน ทุกหน่วยบริการทั้งระดับจังหวัด อำเภอและตำบล  ร่วมมือกันเตรียมความพร้อมทางสาธารณสุข ทั้งเรื่องการดูแลรักษาพยาบาล เตียงดูแลรักษา การจัดหาเวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และวัคซีนให้มีความเพียงพอ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และขอให้ทุกจังหวัดเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมในเข้าสู่การเป็นโรคประจําถิ่น รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนรับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด 19
 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org