ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ในปี พ.ศ. 2516 เครื่องบินขนาดเล็กพุ่งลงมาเฉี่ยวรถของวาเลอรี คอร์รัล (Valerie Corral) ทำให้เธอ "ลื่นไถล กลิ้งตัว และกระดอนไปไกลถึง 365 ฟุตผ่านกองดิน พุ่มไม้ และก้อนหิน" (1) ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คอร์รัลได้รับบาดเจ็บยืดเยื้อ เผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ความเสียหายของสมอง โรคลมบ้าหมู และไมเกรนขั้นรุนแรง แม้จะใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ คอร์รัลยังคงมีอาการชัก ตัวสั่น และอาการชักรุนแรง ไมเคิลสามีของคอร์รัลแนะนำให้เธอลองกัญชาหลังจากที่เขาอ่านในวารสารทางการแพทย์ที่บอกว่ากัญชาควบคุมอาการชักในหนูได้ และคอร์รัลพบว่าการใช้กัญชาเป็นประจำช่วยบรรเทาอาการของเธอได้

นี่คือจุดเริ่มต้นของ "ร้านขายยากัญชาในสหรัฐอเมริกา" ยุคบุกเบิกร้านหนึ่งและเป็นร้านแรกที่ได้สิทธิเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร และยังเป็นตำนานบทสำคัญของการต่อสู้เพื่อให้กัญชาถูกกฎหมาย "เพื่อใช้ในการแพทย์" ไม่ใช่เพื่อการสันทนาการ เพื่อเยียวยาผู้ป่วยที่ต้องทนุทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง ผู้ที่หมดหนทางและยังถูกปิดกั้นหนทางจากกฎหมายสิ่งเสพติดที่รุนแรงในทศวรรษที่ 70 80 90 และต้นยุค 2000

ในปี พ.ศ. 2535 คอร์รัลถูกจับโดยนายอำเภอในท้องที่ฐานปลูกกัญชาห้าต้น เธอกลายเป็นผู้ป่วยรายแรกในแคลิฟอร์เนียที่ท้าทายกฎหมาย โดยอ้างว่าใช้กัญชาทางการแพทย์  อัยการยกฟ้องโดยอ้างว่าไม่น่าจะชนะคดีนี้ต่อหน้าคณะลูกขุนที่เห็นอกเห็นใจในกรณีของคอร์รัล อีกทั้งเขตซานตาครูซยังเป็นเขตที่เอนเอียงไปในทางแนวคิดเสรีนิยม หลังจากที่นายอำเภอจับกุมคอร์รัลอีกครั้งในอีกหนึ่งปีต่อมา อัยการเขตกล่าวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะดำเนินคดีกับคอร์รัลและสามี และขอให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปล่อยทั้งคู่ไว้ตามลำพัง หลังจากถูกจับและถูกปล่อยโดยคนของกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2536 Wo/Men's Alliance for Medical Marijuana (WAMM) ก็ได้ก่อตั้งขึ้น

WAMM เป็นกลุ่มจ่ายกัญชาสำหรับใช้เป็นยาที่ไม่แสวงหาผลกำไรตั้งอยู่ในเมืองซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย WAMM โดยสมาชิกของ WAMM ได้รับกัญชาทางการแพทย์แบบออร์แกนิกโดยมีค่าใช้จ่าย ในขณะที่อาสาสมัครทำงานแลกเปลี่ยนกับกัญชา แม้จะเก็บเงินค่ายาแต่ก็มีโครงการสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจ่ายเงินค่ากัญชาทางการแพทย์ได้เต็มจำนวนด้วย (2) และWAMM เป็นกลุ่มกัญชาทางการแพทย์กลุ่มแรกที่ได้รับสถานะไม่แสวงหาผลกำไรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (3)

คอร์รัล ยังเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายกัญชาในแคลิฟอร์เนียที่เรียกว่า  Proposition 215 ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์แม้ว่ากัญชาจะขาดการทดสอบตามปกติของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยถูกตราขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 โดยใช้กระบวนการริเริ่มและผ่านด้วยคะแนนเสียง 5,382,915 (55.6%) เห็นด้วยและ 4,301,960 (44.4%) ไม่เห็นด้วย

จากข้อมูลของ WAMM สมาชิกหลายคนมีอาการป่วยระยะสุดท้ายหรือป่วยหนัก คอร์รัลได้ก่อตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่ใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคและเงื่อนไขต่างๆ เธอได้ให้การดูแลส่วนบุคคลและความสะดวกสบายแก่บุคคลหลายร้อยคนในระหว่างการดูแลแบบประคับประคอง รวมทั้งลอร่า ฮักซ์ลีย์ ซึ่งเธอเป็นเพื่อนสนิทส่วนตัว สมาชิก WAMM เกือบ 200 คนเสียชีวิตตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่ม โดยที่คอร์รัลคอยอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่ แสดงถึงความห่วงใยและใกล้ชิดระหว่างผู้ที่ผ่านความทุกข์ยากมาร่วมกัน ซึ่งจะเรียกได้ว่า "ผู้ร่วมอุดมการณ์" ก็ว่าได้ เพราะในเวลานั้นการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ยังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย

แม้ว่าเจ้าหน้าที่กฎหมายในท้องถิ่นจะไฟเขียวแล้ว แต่สหรัฐอเมริกายังมีกฎหมายอีกหลายชั้น ชั้นสูงสุดคือกฎหมายของสหพันธรัฐหรือของรัฐบาลกลาง

เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2545 เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (DEA) ได้บุกเข้าไปในสวน WAMM หลายสัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยวกัญชาประจำปี ทำการจับกุมคอร์รัลและทำลายพืชกัญชาที่ใช้รักษาโรคทั้งหมดของกลุ่ม (150 ต้น) คอร์รัลถูกควบคุมตัวและปล่อยในภายหลัง รัฐบาลไม่เคยยื่นฟ้อง (เช่นเดียวกับรัฐบาลท้องถิ่น) กระนั้นก็ตาม สองสามีภรรยาคอร์รัลตัดสินใจท้าทายคำสั่งห้ามของรัฐบาลกลางด้วยความช่วยเหลือจากศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย คือ เจอรัลด์ เวลแมน (Gerald Uelmen) แห่งมหาวิทยาลัยซานตาคลารา และผู้สนับสนุนจากกลุ่มนโยบายยาเสพติด คือกลุ่ม Drug Policy Alliance 

หลังการบุกค้นของหน่วยงาน DEA ตามมาด้วยประท้วงและรายงานจากสื่อทั่วโลกออกมาในทางตำหนิการบุกค้นของ งาน อันเป็นผลมาจากการทำงานที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ต้องอาศัยกัญชาในการเยียวยาพวกเขา การบุกค้นยังถุกต่อต้านจากเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น บิล ล็อกเยอร์ (Bill Lockyer) อัยการสูงสุดแห่งแคลิฟอร์เนียในขณะนั้น อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองซานตา ครูซ เอมิลี่ รีลลี (Emily Rielly) และสมาชิกทั้งหมดของคณะกรรมการผู้บังคับบัญชาของเทศมณฑลซานตาคลาราในขณะนั้น (4) สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นที่เห็นความจำเป็นในการทำให้กัญชาเพื่อรักษาโรคเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายกบัรัฐบาลกลางที่ยังมองว่ากัญชานั้นผิดกฎหมาย และต้องถูกกวาดล้างไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

หลายสัปดาห์ต่อมา WAMM ได้แจกจ่ายกัญชาทางการแพทย์ตามขั้นบันไดของศาลากลางเมืองในซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย  สมาชิก WAMM ซึ่งป่วยด้วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง มะเร็ง และโรคเอดส์ ได้ออกมาสนับสนุนองค์กรของพวกเขาด้วย โดยเมืองซานตาครูซสนับสนุน WAMM และกิจกรรมต่างๆ อย่างชัดเจน หลังจากการจู่โจมในปี 2545 โดยกิจกรรมการแจกจ่ายกัญชาทางการแพทย์ให้กับสมาชิกที่หน้าทางขึ้นของศาลากลางเมืองของ WAMM ก็ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของเมือง

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2546 เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกลุ่ม WAMM  เมืองซานตาครูซยังได้ฟ้องรัฐบาลกลางในการบุกโจมตี WAMM และคดีนี้เรียกว่า "คดีซานตาครูซกับมิวเคซีย์" (Santa Cruz v. Mukasey)

นี่คือตัวอย่างของความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นที่มองเห็นประโยชน์ของกัญชาเพื่อการแพทย์กับรัฐบาลกลางที่ยังคงนโยบายยากเสพติดที่มีโทษรุนแรงและระบุให้กัญชาเป็นสารเสพติดที่ต้องควบคุมอย่างเข้มงวด

ปัจจุบัน การใช้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายของรัฐบาลกลางไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยกเว้นโครงการวิจัยที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) (5) อย่างไรก็ตาม แต่ละรัฐได้ออกกฎหมายที่อนุญาตให้มีการยกเว้นสำหรับการใช้งานต่างๆ รวมถึงการใช้ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และการพักผ่อนหย่อนใจ

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 พระราชบัญญัติการบริหารและโอกาสของกัญชา หรือกฎหมาย "CAOA" ได้รับการผลักดันโดยวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต 3 คนโดยมีจุดประสงค์เพื่อลดทอนความเป็นอาชญากรรมของกัญชาในระดับรัฐบาลกลางและยอมรับกฎหมายกัญชาของแต่ละรัฐอย่างเป็นทางการ กระนั้นก็ตาม กฎหมายนี้ไม่น่าจะผ่าน และตอกย้ำว่า ยังอีกไกลกว่าที่สหรัฐอเมริกาจะยอมรับกัญชาได้ แม้แต่สถานะความเป็นยารักษาโรคของมัน

และการต่อสู้ของ WAMM ก็ยังคงดำเนินต่อไป และแม้ว่าการต่อสู้ของคอร์รัลและ WAMM จะทำให้เกิดการแก้ไขกฎหมายในระดับรัฐท้องถิ่นคือ Proposition 215 ในแคลิฟอร์เนีย แต่การต่อสู้ก็ยังไม่จบง่ายๆ เช่นกัน เพราะผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ก็ยังพยายามขัดขาด้วยวิธีการต่างๆ

เช่น คณะกรรมการการแพทย์แห่งรัฐแคลิฟอร์เนียได้ดำเนินคดีกับแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตของรัฐแคลิฟอร์เนียหลายรายในการแนะนำกัญชาให้ผู้ป่วยโดยใช้อำนาจของ Proposition 215 การเอาผิดนี้คือความพยายามที่จะทำร้ายแพทย์สายกัญชาและพยายมยึดอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม

 

อ้างอิง

1. Mendoza, Martha (May 24, 2004). "Not Your Average Pot Proponent". CBS News CBS Interactive Inc.

2. Luker, Kelly (March 14–20, 2002). "The Secret Garden: Behind the lines at a medical marijuana farm where the operation is successful even when the patients die". Metro. Metro Publishing Inc.

3. Nieves, Evelyn (January–February 2001). "Half an Ounce of Healing". Mother Jones.

4. "County, City Condemn DEA Marijuana Raid". Santa Cruz Sentinel. September 11, 2002.

5. McKinsey, John A.; Burke, Debra (2014). Carper's Understanding the Law. Cengage Learning. p. 216. ISBN 978-1-305-17730-7.