ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทย์แนะประชาชนให้ความสำคัญเรื่องโรคทางช่องหูที่เกิดจากการอักเสบเพียงเล็กน้อย เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียมักพบร่วมกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจนำมาก่อนและบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเมื่อเชื้อลุกลามและเป็นอันตรายกว่าที่คิดถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน โรคที่เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีอาการอักเสบของหูชั้นกลางซึ่งอยู่ระหว่างหูชั้นนอกและหูชั้นใน เชื้อที่เป็นสาเหตุการอักเสบอาจจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียก็ได้ มักพบร่วมกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่  คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ซึ่งเชื้อมักจะผ่านจากจมูกและโพรงหลังจมูกไซนัสเข้าสู่หูชั้นกลางผ่านทางท่อยูสเตเชียนซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมระหว่างโพรงหลังจมูกและหูชั้นกลาง โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะทำให้มีน้ำขังในหูชั้นกลางหรือเยื่อแก้วหูทะลุได้ รวมถึงมีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น อาการอักเสบอาจส่งผลให้โพรงกกหูอักเสบ หูชั้นในอักเสบ  อัมพาตบนใบหน้าเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังส่งผลให้ใบหน้าบวมอาจทำให้เกิดแรงกดที่เส้นประสาทบนใบหน้าและเกิดปัญหาในการควบคุมกล้ามเนื้อ ,เยื่อหุ้มสมองอักเสบซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่เป็นอันตรายมาก หากการติดเชื้อลุกลามไปยังเยื่อหุ้มสมอง หรือทำให้เกิดฝีในสมองถ้าหากเชื้อแพร่กระจายไปที่สมอง 

นายแพทย์ณัฐวัตร พงษ์ชมพร นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กล่าวว่า โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการปวดหูข้างที่เป็นอาจรู้สึกแน่น ๆ ภายในหูหรือมีเสียงดังในหู หูอื้อ ระดับการได้ยินลดลงโดยอาการดังกล่าวมักจะมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน อาการปวดหู มีไข้ และหูอื้อ จะลดลงหลังจากเยื่อแก้วหูทะลุและมีหนองไหลออกมาแล้ว สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังและเชื้อลุกลาม จะมีไข้ขึ้นสูง เวียนศีรษะ สูญเสียการทรงตัว เป็นต้น สำหรับการรักษานั้นจะแบ่งเป็นการรักษาด้วย 1. ยา ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุซึ่งควรรับประทานเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 – 14 วัน  ยาแก้แพ้ ยาลดบวม เพื่อทำให้เยื่อบุบริเวณรูเปิดของท่อยูสเตเชียนยุบบวม ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ทานเท่าที่จำเป็น 2. การผ่าตัด เจาะเยื่อแก้วหูเพื่อระบายหนองในหูชั้นกลางออก จะช่วยลดอาการปวดหูได้มาก มักทำในรายที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือมีภาวะแทรกซ้อนและอีกหนึ่งการรักษาคือ การผ่าตัดโพรงกระดูกมาสตอยด์มักทำในกรณีที่มีการอักเสบหรือมีหนองขังอยู่ภายในโพรงกระดูกมาสตอยด์ กรณีที่รับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ไข้ไม่ลด ปวดศีรษะมาก หูอื้อ ระดับการได้ยินลดลง มีน้ำหรือมีหนองไหลออกมาจากหู ควรรีบเข้าพบแพทย์ด้านโสต ศอ นาสิก ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องต่อไป 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org

เรื่องที่เกี่ยวข้อง