ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รามอินทรา 74 คลินิกเวชกรรม จับมือ สปสช. สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ด้วยการให้บริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดแก่ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ฟรี! เพื่อการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ
 
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กทม. (สปสช.เขต 13 กทม.) เปิดเผยว่า แม้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสัดส่วนประชากร โดยพบว่าอัตราการเกิดค่อนข้างน้อย แต่สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือการ ‘ตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ’ โดย สปสช. ได้ให้สิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) แก่ผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ผ่านบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด เพื่อให้คำปรึกษาทั้งกลุ่มประชาชนที่มีความพร้อมที่จะมีบุตร และกลุ่มประชาชนที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร ซึ่งต้องมีการวางแผนครอบครัวร่วมกันกับแพทย์


 
ทพญ.น้ำเพชร กล่าวว่า บริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดเป็นสิทธิประโยชน์ P&P ซึ่งผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการได้ ณ สถานพยาบาลประจำของตน และหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านได้ทุกแห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ คลินิกชุมชนอบอุ่น ที่ปัจจุบันมีกว่า 200 แห่ง กระจายอยู่ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร และศูนย์บริการสาธารณสุข ในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 69 แห่ง 

การคุมกำเนิดของบริการวางแผนครอบครัว สำหรับหญิงไทยอายุระหว่าง 15 – 59 ปี

สำหรับวิธีการคุมกำเนิดของบริการวางแผนครอบครัว สำหรับหญิงไทยอายุระหว่าง 15 – 59 ปี จะมีทั้งหมด 4 วิธี ได้แก่ 1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ซึ่งมีความง่ายและสะดวกในการทานให้ต่อเนื่อง ข้อดีคือเหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการมีบุตรอยู่  หลังหยุดยาสามารถมีบุตรได้ง่าย
 
2. ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน สำหรับหญิงไทยอายุระหว่าง 15 – 59 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่พึ่งมีเพศสัมพันธ์สามารถเริ่มทานเม็ดแรกได้ภายใน 72 ชั่วโมง และทานอีก 1 เม็ดต่อเนื่องภายใน 12 ชั่วโมง และถ้าหากยังมีความต้องการที่จะคุมกำเนิดอยู่ก็ให้รับประทานยาเม็ดแบบคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่อง 
 
3. ยาฉีดคุมกำเนิด สำหรับหญิงไทยอายุระหว่าง 10 – 59 ปี โดย 1 เข็มจะสามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน ซึ่งไม่ส่งผลอันตรายต่อตัวผู้รับบริการและจะมีการนัดฉีดต่อเนื่อง แต่ยาคุมกำเนิดแบบฉีดไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีบุตร เนื่องจากระยะเวลาฮอร์โมนของชนิดฉีดจะอยู่ได้นานกว่าชนิดเม็ด ทำให้มีบุตรค่อนข้างยากอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ 
 
4. ถุงยางอนามัย สำหรับชายและหญิงไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย


 
ด้าน นพ.อุชุกร นทีไชยสิทธิ์ แพทย์เวชกรรม ประจำรามอินทรา 74 คลินิกเวชกรรม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ที่ได้เข้าร่วมโครงการกับ สปสช. พบว่าผู้เข้ามาใช้สิทธิบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด เป็นผู้ใช้บัตรทองกว่า 95%  โดยวิธีการคุมกำเนิดที่คลินิก ได้แก่  ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ยาฉีดคุมกำเนิด และถุงยางอนามัย ซึ่งยาทุกตัวได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 
 
ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับบริการต้องมีการซักประวัติผู้เข้ารับบริการเรื่องโรคประจำตัวโดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งจะมีข้อจำกัดไม่สามารถรับยาฉีดคุมกำเนิดได้ นอกจากนี้ก็ยังมีการซักประวัติครอบครัวและประวัติการมีเพศสัมพันธ์

 
“เรื่องของการวางแผนครอบครัวนั้นสำคัญมาก ต้องถามว่า  มีความพร้อมในการดูแลบุตรไหม  มีโรคประจำตัวหรือไม่  เพราะการมีบุตรต้องใช้ทรัพยากรเยอะมาก ไม่รวมตั้งครรภ์ - ตรวจครรภ์อีก 9 เดือน เพื่อดูสุขภาพครรภ์ ซึ่งถ้าคุณแม่อายุน้อยเกินไปหรือมากเกินไปก็จะมีโรคทางกรรมพันธุ์บางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เราก็ต้องส่งไปโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เพื่อให้อยู่ในการดูแลของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญต่อไป” นพ.อุชุกร กล่าว

น.ส.ละอองดาว ขนานไพร ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด กล่าวว่า ตนเองเคยมีบุตรมาแล้ว และขณะนี้มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจึงยังไม่พร้อมที่จะมีบุตรอีกครั้ง เมื่อเห็นประกาศทางเพจเฟซบุ๊กของ สปสช. ที่ประกาศว่าผู้มีสิทธิบัตรทองสามารถรับบริการวางแผนครอบครัวและคุมกำเนิดได้ฟรีจึงตัดสินใจเข้ามารับบริการ 

“ก่อนหน้านี้ก็ซื้อยาคุมชนิดรับประทานตามร้านขายยาทั่วไป แต่พอมาหาหมอก็ได้รับยาคุมชนิดฉีด เนื่องจากเคยมีบุตรมาแล้ว บางครั้งก็ลืมทานยาคุมเพราะมัวแต่ทำงาน พอได้พูดคุยกับหมอก็รู้สึกมั่นใจในประสิทธิภาพของยา และเจ้าหน้าที่ก็ให้คำปรึกษาดีจึงตัดสินใจรับบริการ แถมได้ความสะดวกสบาย จากคลินิกที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านอีก” น.ส.ละอองดาว กล่าว

นายภพปภณ พิศคล้าย ประชาชนที่เข้ามารับบริการวางแผนครอบครัวและคุมกำเนิด กล่าวว่า เนื่องจากตนยังไม่พร้อมมีบุตรจึงเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบถุงยางอนามัยที่นอกจากจะเป็นตัวช่วยในการคุมกำเนิดแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเงินซื้อถุงยางอนามัยเอง และยังได้รับคำปรึกษาที่เหมาะสมถึงวิธีการใช้ รวมถึงข้อดี – ข้อเสียของถุงยางอนามัยจากผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
 
ทั้งนี้ประชาชนไทยที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทองหรือบัตร 30 บาท) ที่ต้องการรับบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ของรัฐและเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมในระบบ สปสช. ดูรายชื่อหน่วยบริการได้ที่แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนู ข้อมูลหน่วยบริการ
 
พิเศษ เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถดูรายการบริการได้ที่แอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือกกระเป๋าสุขภาพ และเข้าไปจองสิทธิเพื่อรับบริการที่หน่วยบริการได้ที่เมนูสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค เมื่อทำการจองนัดหมายแล้วก็ไปใช้บริการตามวันและเวลาได้ 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง