ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมการแพทย์ ออกคำแนะนำรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ยาหลักใช้โอเซลทามิเวียร์ ยารองใช้ฟาวิพิราเวียร์

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2566 กรมการแพทย์ ออกคำแนะนำการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงวันที่ 2 ตุลาคม 2566 มีรายละเอียด ดังนี้ 

การรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ แบ่งออกเป็น การรักษาแบบประคับประคองและการรักษาเฉพาะโดยให้ยาต้านไวรัส โดยให้ยาต้านไวรัสอันดับแรก คือ โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) 

ส่วนยาอันดับรอง คือ ฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ใช้ในกรณที่ไม่สามารถใช้ยาอันดับแรกได้ เฉพาะในกรณีที่เป็นไข้หวัดใหญ่อาการไม่รุนแรงเท่านั้น

ทั้งนี้ การให้ยาต้านไวรัสเพื่อการรักษาไข้หวัดใหญ่ ควรเริ่มยาให้เร็วภายใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อผลการรักษาดีที่สุด กรณีผู้ที่มีอาการรุนแรงหรือเสี่ยงสูง แม้จะเลย 48 ชั่วโมงไปแล้ว ก็ยังมีประโยชน์เมื่อได้รับยา โดยให้ยาต้านไวรัสเฉพาะผู้ป่วยดังต่อไปนี้

  1. ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องนอนโรงพยายาล หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
  2. ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อโรครุนแรง
  3. สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง อาจจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส หากมีอาการมาไม่เกิน 48 ชั่งโมง (ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ยาต้านไวรัสทำให้อาการหายเร็วขึ้น)

อย่างไรก็ตาม การใช้ยา Oseltamivir ขนาดสูง 2 เท่าของปกติ พบว่าไม่มีประสิทธิผลดีไปกว่าขนาดปกติที่แนะนำ ส่วนการใช้ยาระยะนานกว่า 5 วัน ให้พิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแล แต่ไม่แนะนำให้ยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน สำหรับผู้สัมผัสโรค แนะนำให้สังเกตอาการและรีบเริ่มยาเร็วที่สุดเมื่อมีอาการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รมว.สธ. ย้ำไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้ แนะ 7 กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ลดอาการรุนแรงและเสียชีวิต

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org