ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. โอนงบเหมาจ่ายรายหัวปี 2567 ให้หน่วยบริการแล้ว โดยใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน ตามมติ บอร์ด สปสช. ดูแลสภาพคล่องหน่วยบริการระหว่างรออนุมัติงบประมาณปี 2567 พร้อมโอน “ค่าบริการฟอกไต เดือน ส.ค. 66” ให้กับหน่วยบริการดูแลผู้ป่วยฟอกไตสิทธิบัตรทองวันนี้

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการดำเนินงานระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” หน่วยบริการ ทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้มีสิทธิบัตรทองให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานทางการแพทย์ อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ที่ผ่านมา สปสช.จึงได้เน้นในส่วนของการโอนงบประมาณ รวมถึงการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการให้กับหน่วยบริการที่มีความถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้หน่วยบริการมีสภาพคล่องในการให้บริการแก่ประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 ด้วยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ ซึ่งทำให้การใช้งบประมาณ 2567 ต้องมีความล่าช้าออกไป และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อหน่วยบริการ ในการประชุมบอร์ด สปสช. ที่ผ่านมา มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน จึงอนุมัติให้ใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน ทั้งนี้เมื่อวานนี้ (15 ต.ค. 66 ) สปสช. ได้ดำเนินการโอนงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 7,323 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของงบเหมายจ่ายรายหัวทั้งหมด ให้กับหน่วยบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเร็วกว่าปีงบประมาณ 2566 ในระหว่างรออนุมัติคำของบประมาณปี 2567 นี้

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณการดูแลผู้ป่วยป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยในส่วนของการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ฟอกไต) ตามที่มีหน่วยบริการได้สอบถามการเบิกจ่ายค่าบริการนั้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาได้มีการปรับนโยบายการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทำให้จำนวนผู้ป่วยฟอกไตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้การจ่ายเงินเป็นด้วยความรอบคอบ ถูกต้องและครบถ้วน สปสช. จึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด

  “วันนี้ (16 ต.ค. 66) ทาง สปสช. ได้ดำเนินการโอนเงินค่าบริการฟอกไตให้กับหน่วยบริการที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน่วยบริการฟอกไตสามารถตรวจสอบได้แล้วตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป” ทพ.อรรถพร กล่าว