ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สาธารณสุข ดันตั้ง “กองทุนมะเร็ง” บูรณาการใช้งบหน่วยงานต่างๆให้ตรงจุดรองรับ “มะเร็งครบวงจร”เบื้องต้นมอบสปสช. หารูปแบบ  ลดใช้งบซ้ำซ้อน ทำให้ตรงจุดเพื่อใช้เม็ดเงินก่อประโยชน์สูงสุด ตั้งเป้าขับเคลื่อนงานให้บริการประชาชนสามกองทุน ทั้งบัตรทอง ข้าราชการ ประกันสังคม ส่วนต้องใช้งบเท่าไหร่ยังบอกไม่ได้ รอพิจารณา พร้อมข้าซูเปอร์บอร์ดสุขภาพ ชุดนายกฯเป็นประธาน

 

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงการเตรียมตั้งกองทุนมะเร็งครอบคลุมทุกสิทธิรองรับนโยบาย มะเร็งครบวงจร ว่า เมื่อจะสู้กับมะเร็ง นอกจากเรื่องคน เรื่องงบประมาณมีส่วนสำคัญ จึงต้องมีงบฯมารองรับ ซึ่งการใช้จ่ายงบประมาณรายปีอาจไม่สอดรับอย่างเพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีกองทุนเกิดขึ้น โดยเรื่องนี้รายละเอียดจะมอบให้นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ แต่วัตถุประสงค์หลักเพื่อนำมาใช้จ่ายรองรับนโยบายมะเร็งครบวงจร ทั้งการรณรงค์ ให้ความรู้การส่งเสริมป้องกันโรค การคัดกรองต้องมีการดำเนินการมากขึ้น การดูแลรักษาฟื้นฟู เป็นต้น

อยู่ระหว่างหารือรูปแบบตั้ง "กองทุนมะเร็ง"

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เนื่องจากหน่วยงานรักษามะเร็งมีจำนวนมาก ที่ดำเนินการทั้งการป้องกัน การรักษาฟื้นฟู รวมไปถึงการวิจัยต่างๆ ดังนั้น เรื่องมะเร็งจึงมีหลายหน่วยงานในการดำเนินงาน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ จึงมีแนวคิดว่า หากสามารถเอางบประมาณมาเป็นองค์รวม โดยหากใครจำเป็นต้องใช้เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลก็ให้ใช้ตรงนี้ ส่วนรูปแบบกำลังหารือกันอยู่ อาจจะใช้รูปแบบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) หรือรูปแบบที่แยกต่างหาก หรือรูปแบบการตั้งงบประมาณแบบบูรณาการ

ผู้สื่อข่าวถามว่าโดยปกติ สปสช.มีกองทุนดูแลเรื่องมะเร็งอยู่แล้วจะเป็นการซ้ำซ้อนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่าคงไม่ซ้ำซ้อน แต่ต้องมาหารือรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการหารือ

นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า ความหมายคือต้องการให้เกิดการบูรณาการกันมากขึ้น เพราะมีหลายหน่วยงาน ที่ต้องรับผิดชอบ กระจัดกระจายกันไป แต่ละฝ่ายก็จะมีการตั้งงบฯของตนเอง เวลานำมาพูลกันก็อาจจะเหมือนกองทุน แต่รูปแบบอาจไม่ใช่เหมือนกองทุนทั่วไป แต่เป็นกองทุนเพื่อนำมาใช้ขับเคลื่อนนโยบายนี้จากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อถามย้ำว่าแสดงกองทุนนี้จะรองรับทั้งสามกองทุน คือ บัตรทอง ข้าราชการและประกันสังคม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ใช่

ถามอีกว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ พันล้านบาทได้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ต้องไปดูตัวเลขฐานที่เราคิดจากเดิม และเติมกิจกรรมเข้ามา ต้องมาดูว่าแต่ละส่วนตั้งงบเท่าไหร่อย่างไร อย่างหากจะบูรณาการก็ต้องมาพิจารณาว่า อันไหนจะปรับลดได้ อันไหนจะใช้ร่วมกันก็ต้องมาพิจารณาก่อน ยังให้ตัวเลขไม่ได้

เมื่อถามว่าจะแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จริงๆ เป็นงบประมาณประจำปีอยู่แล้ว  เช่น กรณีงบประมาณปี 2567 ตั้งไม่ทันเพราะแผนเข้าสู่กระบวนการแล้ว ขาขึ้นขึ้นไปแล้ว เพียงแต่ขาลงอาจต้องมาคุยกันว่า แต่ละส่วนที่มีงบรองรับมะเร็งครบวงจร จะบูรณาการอย่างไร นี่คือขาลง ส่วนปีงบประมาณ 2568 อาจต้องคุยกันก่อนว่าขาขึ้นจะใช้วิธีการตั้งงบร่วมกันหรือไม่ อย่างไร หากต้องตั้งงบบูรณาการร่วมกัน ทางสำนักงบฯเห็นควร ก็อาจต้องมีหน่วยงานหลักทำเพื่อเสนอขึ้นมา เหมือนการจัดทำแผนงบบูรณาการของหน่วยงานอื่นๆ

เล็งเสนอซูเปอร์บอร์ดสุขภาพ ชุดนายกฯเป็นประธาน

ถามว่าเรื่องนี้ต้องเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ(ซูเปอร์บอร์ดระบบสุขภาพ) ที่นายกฯเป็นประธาน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ควรต้องเสนอ เพราะมีความรับผิดชอบหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง

คกก.สิทธิประโยชน์กำลังพิจารณาเพิ่มสิทธิตรวจ แมมโมแกรม

ผู้สื่อข่าวถามกรณีความคืบหน้าการพิจารณาเพิ่มสิทธิตรวจ “แมมโมแกรม” ในชุดสิทธิประโยชน์ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนนำเสนอ เรื่องนี้เคยเสนอเลขาฯสปสช. ซึ่งกำลังเข้าสู่คณะกรรมการสิทธิประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การคัดกรองทั่วไปยังไม่ได้ให้สิทธิตรวจด้วยแมมโมแกรม เราก็กำลังพิจารณาเพิ่มเข้าไป อย่างที่ผ่านมามูลนิธิกาญจนบารมี ที่มีรถโมบายเคลื่อนที่กระจาย 4 ภูมิภาคเมื่อเข้าไปรณรงค์มีคนสนใจตรวจแมมโมแกรมนั้น ยังต้องใช้เงินของมูลนิธิฯ เพราะสปสช.ใช้ไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ผ่านการรับรองให้ตรวจได้ จึงอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ