ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ประสิทธิ์ชัย” ลั่นร่างพรบ.กัญชากัญชง สวนทาง ปัญหาของกัญชา มีอย่างเดียวคือสูบแล้วเกิดควันอาจก่อความรำคาญ จึงควรกำหนดกติกาเหมือนบุหรี่จัดให้มีที่สูบ ไม่ใช่สาธารณะ   ด้าน “หมอเดชา” จับไต๋ เขียนกฎหมายแบบ “มโน” เอื้อประโยชน์บางกลุ่ม

 

ตามที่นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกมาระบุถึงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชง กัญชา พ.ศ. … ไม่เหมือนที่ปิดห้องคุยกันกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ก่อนหน้านี้ และอาจทำให้คนไปปลูกกัญชาใต้ดินมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต่อมา นพ.ชลน่าน ได้ชี้แจงว่า ที่เคยเชิญคณะของนายประสิทธ์ชัย มาพูดคุยเรื่องกัญชาเชิงนโยบาย เน้นย้ำว่าต้องเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ เรามีนโยบายชัดถ้าจะนำกัญชาไปใช้ในทางผิดประเภท ต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม แต่เราไม่ได้บอกว่าจะไปห้ามเปิดร้าน หรือห้ามใช้ แต่บอกว่าต้องใช้ให้ถูกวิธี หากเป็นการใช้เพื่อสุขภาพจะต้องมีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยันนั้น

เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายประสิทธิ์ชัย  กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า  ปัญหาเรื่องการสูบมีอยู่อย่างเดียวคือ การสูบนั้นเกิดควันอันเป็นสิ่งก่อความรำคาญแก่ผู้อื่น ฉะนั้นการใช้กัญชาโดยวิธีการสูบต้องไม่กระทำในสถานที่สาธารณะ หลักการมีเท่านี้ เหมือนที่บุหรี่ต้องจัดให้มีที่สูบเป็นการเฉพาะเพราะควันรบกวนผู้อื่น กัญชามันคือยารักษามาตั้งแต่ครั้งโบราณมีวิธีการนำเข้าสู่ร่างการด้วยการกิน หยอดใต้ลิ้น การสูบ ไม่ว่านำเข้าร่างกายด้วยวิธีไหนมันก็คือยา ฉะนั้นที่ตนยืนสูบอยู่หนึ่งมวนสารในกัญชาหลายร้อยชนิดไม่ได้แยกว่าสูบเพื่อสุขภาพหรือสันทนาการ ฉะนั้นหมอชลน่านจะแยกอย่างไรครับว่าในกัญชามวนเดียวกันอันไหนคือยาอันไหนคือสันทนาการ

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวด้วยว่า   กัญชา คือยาที่ออกฤทธิ์สัมพันธ์กับปริมาณที่เรานำเข้าร่างกายและยังสัมพันธ์กับสภาวะร่างกายของแต่ละคนด้วย กัญชาคือดอกไม้ตามธรรมชาติและมันเหมาะกับเฉพาะบางคนเท่านั้น โดยเฉพาะการสูบจะเข้าลักษณะ ‘กัญชาเลือกคน คนเลือกกัญชา’ คือมีน้อยคนมากที่สูบกัญชาได้ คนสูบบุหรี่จำนวนมากไม่ชอบกัญชา ตนแพ้บุหรี่แต่มีความสุขกับการสูบกัญชา และเราลองสังเกตว่าตอนเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงกัญชามาปีกว่าคนใกล้ตัวเราสูบกัญชาไปแล้วกี่คน แทบจะไม่มี เพราะการนำกัญชาเข้าร่างกายโดยวิธีการสูบนั้นเป็นเรื่องเฉพาะคนอย่างยิ่ง

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า นพ.ชลน่านถูกข่าวหลอกลวงไม่กี่ข่าวว่าคนสูบกัญชาไปปีนเสาไฟฟ้า คนสูบกัญชาไปทะเลาะวิวาท ทำให้กลัวกัญชาว่ามันก่อฤทธิ์แบบนั้นจริงๆ จนนำมาสู่การกำหนดกติกาที่ผิดเพี้ยน เช่น คนจะสูบกัญชาต้องให้หมอมาวินิจฉัย ต่อประเด็นนี้เราต้องกลับมาที่ข้อเท็จจริงด้านวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างกัญชากับบุหรี่ หากกัญชาร้ายกว่าบุหรี่หลังจากนี้ใครจะสูบต้องแพทย์สั่ง เช่นเดียวกันหากบุหรี่ร้ายแรงกว่าหลังจากนี้ใครสูบต้องแพทย์สั่ง เราต้องใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดกติกา

“ความบิดเบี้ยว หลายเรื่องใน พ.ร.บ.กัญชาของหมอชลน่านคือใช้ความกลัวกำหนดกติกา แต่ไม่ยอมใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนด ยกตัวอย่างอีกเรื่องคือกฎหมายฉบับนี้บอกว่าห้ามใช้เพื่อสันทนาการ หลักการนั้นดูดีมากเพื่อทำให้สังคมเชื่อว่า พ.ร.บ.กัญชาเป็นไปเพื่อการแพทย์และสุขภาพ แต่กลับไม่พบมาตรการที่ชัดเจนในการคุ้มครองผู้บริโภคจากการสูบที่ก่อควัน ความผิดเพี้ยนแบบนี้มาจาก ความกลัว อยากทำให้ดูดีกว่าคราวที่แล้ว ใจให้นิ่งครับแล้วกลับมาใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดกติกากัญชานี่คือทางออกที่ดีที่สุด” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

ด้านนายเดชา ศิริภัทร หรืออ.เดชา เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา กล่าวว่า ตนอยากถาม นพ.ชลน่านกลับว่า ถ้าสูบกัญชาเพื่อสุขภาพต้องมีหลักฐานทางการแพทย์ แล้วการสูบบุหรี่เพื่อทำลายสุขภาพ ต้องมีหลักฐานจากแพทย์หรือไม่  รัฐบาลอยากควบคุมกัญชาให้เหมือนยาเสพติด จึงร่างกฎหมายเอง แบบเข้มงวดกว่าคุม ยาบ้า เหล้า และบุหรี่ที่เป็นยาเสพติดร้ายแรง (ที่สุด อันดับ 5 และ 9) อนุญาตให้ใช้สันทนาการได้ แต่กัญชา ที่ไม่ติดอันดับยาเสพติดร้ายแรง กลับจะควบคุมไม่ให้ใช้สันทนาการ เด็ดขาด

 

“ทั้ง ๆ ที่ เหล้าและบุหรี่ ทำให้คนไทยตาย ปีละกว่าแสนคน แต่กัญชาไม่ทำให้ตายสักคน และกัญชารักษาโรคได้จริง เฉพาะที่วิจัยในประเทศไทยแล้ว อย่างน้อย 8 โรค แต่เหล้า เบียร์ และบุหรี่ รักษาโรคไม่ได้เลย สร้างโรคได้มากมายเท่านั้น แต่กลับผ่อนผัน อ้างว่า กัญชาจะทำให้เยาวชนมีโอกาสติดยาเสพติดในอนาคตเพิ่มขึ้น เป็นการเปิดประตู ให้ เยาวชนจะลองใช้กัญชาก่อน แล้วเริ่มทดลองยาเสพติดอื่นๆต่อไป จึงต้องจำกัดกัญชา ไม่ทราบว่าไปเอาข้อมูลนี้มาจากที่ใหน คงจะ"มโน" เอาเอง เพื่อทำตามความต้องการของคนบางกลุ่ม ที่เสียผลประโยชน์จากกัญชา” นายเดชา กล่าว