ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาฯสปสช. เผย กรณีร้านยาเข้าร่วมบัตร ปชช.ใบเดียว พบปัญหาการเบิกจ่าย-เชื่อมข้อมูลเล็กน้อย ส่วนเรื่องยกเว้นเสียภาษีต้องศึกษาว่ารูปแบบไหนจะเหมาะสม พร้อมระบุเก็บประกันสัญญาร้านยาที่ร่วมโครงการตามระบบเรียบร้อย

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสปสช. ลงเยี่ยมและรับฟังการเขื่อมต่อข้อมูลตามโครงการบัตรประชนใบเดียวที่รพ.พระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี โดยมี นพ.เพชรฤกษ์ แทนสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี นพ. พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผอ.รพ.พระจอมเกล้า พร้อมคณะผู้บริหาร สสจ. และ รพ. ให้การต้อนรับ

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามและรับฟังปัญหาอุปสรรคและในการดำเนินโครงการบัตรประชาชนใบเดียว จากหน่วยบริการนวัตกรรม ทั้งร้านยาและคลินิกการพยาบาลฯ เช่น มีประเด็นในเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลและการเบิกจ่ายหรือไม่ อยากให้ สปสช. สนับสนุนในเรื่องใดเพิ่มเติม ฯลฯ หลังจากที่ได้รับข้อมูลในพื้นที่แล้ว สปสช. จะได้กลับไปไปปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีการต่างๆ ให้สามารถสนับสนุนหน่วยบริการเหล่านี้ในการดูแลประชาชนได้อย่างเต็มที่ และช่วยให้การขยายพื้นที่นำร่องอีก 8 จังหวัด และทั่วประเทศ เป็นไปด้วยดี”

“ขณะเดียวกัน ยังได้ไปรับฟังหน่วยบริการปฐมภูมิพบว่าสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้มากโดยเฉพาะบริการใน 3 อย่าง ก่อนไปรพ. เช่น การทำแผล การให้คำปรึกษาด้านส่งเสริมคุณภาพป้องกันโรค หรือการรักษาเบื้องต้น เพราะเชื่อว่า ในอนาคต คลินิกพยาบาลชุมชน เข้ามาเสริมและช่วยลดความแออัดให้กับรพ. นอกจากร้านยา รวมทั้งรพ.ก็มีกลไกในการเชื่อมเครือข่ายต่างๆ ในอนาคตเรามีการวางแผนไว้ว่าจะใช้ชุมชนเป็นตัวตั้ง และบูรณาการต่างๆเข้าไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมก็มีกฎหมายวิชาชีพควบคุมอยู่ “ นพ.จเด็จกล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากที่ลงไปดู โรงพยาบาลในจังหวัดนำร่องค่อนข้างดี เท่าที่ประเมินพบว่าประชาชนมีความพึงพอใจ อาจมีอุปสรรคนิดหน่อยเรื่องการเชื่อมต่อระบบข้อมูล การเบิกจ่าย ที่ยังมีความไม่เข้าใจบ้างแต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็ต้องลงไปแก้ไข และการที่ลงพื้นที่ดู จ.นำร่องก็เพื่อต้องการทราบถึงปัญหายิ่งมีมากเราจะได้ข่วยแก้ไข หากลงพื้นที่มาดูแล้วพบว่าไม่มีปัญหาเลยตนไม่ได้ดีใจ ยิ่งมีปัญหามาก เราอาจไปช่วยแก้ปัญหาและช่วยปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็น สวรส. สภาเภสัชกรรม

ร้านยายกเว้นภาษีได้หรือไม่

เมื่อถามว่ากรณีร้านยาขอยกเว้นเสียภาษี สปสช. มีการดำเนินการอย่างไร...นพ.จเด็จ กล่าวว่า เรื่องภาษีดูเหมือนว่าจะเป็นประเด็นสำคัญ จะต้องมีการศึกษาว่าภาษีรูปแบบไหนถึงจะเหมาะกับร้านยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านยาที่เข้าร่วมกับระบบหลักประกันสุขภาพ ทั้งนี้คลินิกเองก็มีระบบภาษีที่แตกต่างกันออกไปทำให้คุณหมอถูกประเมินภาษีที่ลดน้อยกว่าหรือไม่เหมาะสมในแง่ของการจ่าย ซึ่งตรงนี้เราจะนำไปลองถอดบทเรียนดูว่าร้านยาจะเป็นไปได้หรือไม่ ฉะนั้นจะเป็นงานวิจัยส่วนหนึ่งที่มีการพูดคุยกัน คงอีกไม่ช้าเราอาจจะรีบประสานเพื่อเสนอนโยบายกับทางหน่วยงานรัฐดูว่าถ้าเป็นไปได้รัฐไม่เสียประโยชน์ ในทางตรงกันข้ามมีร้านยาเข้ามาเสริมให้บริการคนยากจนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนภาษีที่มีการปรับให้เหมาะสม เงินส่วนนั้นก็จะกลับมาเป็นระบบที่เราสามารถขยายร้านยาเพิ่มขึ้น มีคนมารับบริการการเพิ่มขึ้น

ร้านยาร่วมโครงการมีประกันสัญญา

ถามต่อว่าตามระบบ สปสช.มีการเก็บประกันสัญญาร้านยาที่เข้าร่วมโครงการหรือไม่... นพ.จเด็จ กล่าวว่า เรามีหมดทั้งการทำประกันสัญญา มีการลงนามในสัญญา เพราะฉะนั้นถ้าเป็นหน่วยเอกชนเราถือว่าจำเป็นต้องทำสัญญา โดยการทำสัญญาต้องผ่านอัยการสูงสุดและมีหลักประกันสัญญาตามระบบเรียบร้อยและยังไม่มีปัญหาใดๆ