ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายกัญชา เตรียมยื่น 10,000 รายชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชาควบคุมกัญชากัญชง ต่อรัฐสภา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.00 น. มุ่งหวังให้มีกฎหมายแม่บทเพื่อสร้างกลไกเชิงระบบให้สามารถนำข้อดีของกัญชามาใช้ 

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวเชิญชวนประชาชนร่วมยื่น 10,000 รายชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชาควบคุมกัญชากัญชง ต่อรัฐสภา ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.00 น. ณ อาคารรัฐสภา  พร้อมระบุว่า ทางเครือข่ายฯ ยังต้องการเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง เพราะอาจจะมีบางรายชื่อที่อาจจะเกิดความผิดพลาดในการเขียนหรือสิทธิในการร่วมเสนอกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอว่าควรจะต้องมีสำรองไว้เผื่อความผิดพลาด ฉะนั้นทุกท่านที่กำลังช่วยกันทำรายชื่อยังสามารถส่งมาได้อย่างต่อเนื่องจนกว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเซ็คจนครบจำนวน

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ตนขอใช้โอกาสวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เชิญชวนทุกท่านร่วมเสนอรายชื่อเพื่อทำให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เพื่อก้าวสู่ขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป โดยความมุ่งหวังว่า การมีกฎหมายแม่บทเพื่อสร้างกลไกเชิงระบบให้สามารถนำข้อดีของกัญชามาใช้และสามารถควบคุมข้อเสียมิให้เกิดแก่ประชาชนและบุคคลที่กฎหมายให้ความคุ้มครองโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน อีกทั้งร่างกฎหมายของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยยังมุ่งหวังให้กัญชาเป็นความมั่นคงทางยาของประชาชน โดยการปลูกและการใช้กัญชาทางยาเป็นสิทธิพื้นฐานของครัวเรือน

“การดำเนินการเกี่ยวกับกัญชา ทั้งการปลูก การแปรรูป การขาย จะต้องกระทำผ่านใบอนุญาต รวมทั้งมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่น้อยไปกว่าการควบคุมเครืองดื่มแอลกออฮอล์และบุหรี่ การเสนอร่างกฎหมายของประชาชนคือเสียงสำคัญในการร่วมกำหนดมาตรการในร่าง พ.ร.บ.แต่ละมาตราในขั้นกรรมาธิการ ซึ่งจะเป็นการนำร่างกฎหมายทุกฉบับที่ผ่านวาระ1ในสภาผู้แทนราษฎรมาพิจารณาร่วมกันเพื่อทำให้เหลือร่างกฎหมายฉบับเดียว เพื่อเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวด้วยว่า กฎหมายกัญชาอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งต้องอาศัยกำลังสติปัญญาของเครือข่ายประชาชนในการกำกับให้หน่วยงานรัฐและนักการเมืองใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดมาตรการ ไม่ใช้ความต้องการทางการเมืองและกระแสมาเป็นเงื่อนไขในการกำหนดมาตรการ เพราะจะทำให้มาตรการเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติจริงได้และอาจย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนหรือนักปลูกตัวเล็กได้ในอนาคตจึงเป็นหน้าที่ของประชาชนโดยรวมที่ต้องช่วยกันจับตาดู